เดอะมอลล์เปลี่ยนเกมค้าปลีก ร่วมทุนยักษ์เมกาลงสนามบันเทิง-อีเวนต์

เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้า 2 ศูนย์การค้ายักษ์ “เอ็มสเฟียร์” “แบงค็อก มอลล์” หลังได้จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ AEG ยักษ์ธุรกิจบันเทิง และกีฬาจากอเมริกา ร่วมทุนหมื่นล้านสร้างอารีน่า เวิลด์คลาส 2 แห่งรวด รองรับคอนเสิร์ต-การแสดงระดับโลก สุดมั่นดันไทยขึ้นชั้น “ฮับเอ็นเตอร์เทน” ของภูมิภาค ประกาศชัดลงทุนธุรกิจค้าปลีกยุคนี้ “ธรรมดา ไม่ทำ”

ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ รอบใหม่ของ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” สร้างแรงกระเพื่อมให้สมรภูมิศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง ท่ามกลางการเฝ้าจับตามองของกลุ่มค้าปลีกและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ว่ากลุ่มเดอะมอลล์จะทำอะไร เมื่อไหร่ กับที่ดินแปลงยักษ์ทำเลใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิทที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้สำหรับ “เอ็มสเฟียร์” และที่ดินแปลงยุทธศาสตร์ผืนใหญ่กว่า 100 ไร่ 4 แยกบางนา ตรงข้ามไบเทค สำหรับโครงการ “แบงค็อก มอลล์”

แม้ว่าเดอะมอลล์ กรุ๊ป จะเปิดแผนลงทุนทั้ง “เอ็มสเฟียร์” และ “แบงค็อก มอลล์” ไปก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่มีการก่อสร้างเกิดขึ้น กระทั่งล่าสุด เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ประกาศร่วมทุนกับ AEG ยักษ์ธุรกิจบันเทิงและกีฬาระดับโลกจากอเมริกา เพื่อสร้าง World Class Arena 2 แห่ง เป็นจุดขายสำคัญให้กับทั้ง 2 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท

การลงทุนเปิดเกมใหม่เขย่าสนามรบค้าปลีกไทย ด้วยแม็กเนตสำคัญครั้งนี้ เปิดตัวพร้อม 2 บิ๊กโปรเจ็กต์ คือ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ และแบงค็อก มอลล์ ในปี 2565-2566 นำเอ็นเตอร์เทนเมนต์ระดับโลกเป็นจุดขายใหม่เคียงคู่พื้นที่ค้าปลีกที่เดอะมอลล์มีความเชี่ยวชาญ

ธรรมดา…ไม่ทำ

นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ฉายภาพว่า การแข่งขันในธุรกิจเปลี่ยนไป ค้าปลีกโดน distrupt จากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เข้ามา ผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป การจะมองและทำเพียงศูนย์การค้าอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว สอดคล้องกับแนวทางการลงทุนและทำธุรกิจของกลุ่มเดอะมอลล์ที่ต้องไม่ธรรมดา การร่วมทุนกับ AEG ยักษ์ธุรกิจบันเทิง และกีฬาระดับโลกจากอเมริกาที่เกิดขึ้นนี้ จึงไม่เพียงเป็นการสร้างการเติบโตของกลุ่มเดอะมอลล์ในอนาคต แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนเกมของตลาด และยกระดับกรุงเทพฯให้แข่งขันในตลาดโลก ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว และธุรกิจบันเทิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ การร่วมมือเป็นรูปแบบการร่วมทุนเดอะมอลล์ กรุ๊ป จะถือสัดส่วนการลงทุน 1 ใน 3 เพื่อสร้าง World Class Arena 2 แห่ง ด้วยมูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการทำการตลาดร่วมกันและการบริหารจัดการ สำหรับนำ World Class Event ระดับโลกเข้ามาในเมืองไทย

“เราจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ การลงทุนของกลุ่มเดอะมอลล์เราทำไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่เราทำต้องไม่ธรรมดา ทุกศูนย์การค้า ทุกการลงทุนต้องเป็นฟีโนมินอล เหมือนทั้งเอ็มโพเรียม พารากอน และเอ็มดิสทริค หรือที่กำลังจะเกิดขึ้นในแบงค็อก มอลล์”

บิ๊กดีลซุ่มเงียบ 1 ปี

แม่ทัพเดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า ดีลครั้งนี้ใช้เวลาการพูดคุยประมาณ 1 ปี ด้วยแนวทางธุรกิจและหลักในการทำงานที่คล้ายกัน เป็นธุรกิจครอบครัวเหมือนกัน จึงทำให้การมาร่วมลงทุนและเป็นพาร์ตเนอร์กัน และเป็นครั้งแรกของ AEG ในการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้าง EM Live ในศูนย์การค้า The EmSphere หนึ่งในศูนย์การค้าล่าสุดของกลุ่มเดอะมอลล์ ภายใต้โครงการ The EM District และ Bankok Arena ในศูนย์การค้า Bangkok Mall ซึ่งเป็นโครงการแฟลกชิปของเดอะมอลล์ กรุ๊ป รองรับธุรกิจความบันเทิง การท่องเที่ยว และธุรกิจ MICE ของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งพร้อมจะเปิดตัวในปี 2565-2566

“ตอนนี้กำลังลงมือและทำทั้ง 2 ศูนย์ไปพร้อมกัน เปิดในเอ็มสเฟียร์ก่อน 6 เดือน จากนั้นก็ต่อที่แบงค็อก มอลล์ โดยเอ็มสเฟียร์จะเริ่มก่อสร้างในเดือนหน้านี้ ที่เราหายเงียบ ไม่ได้แปลว่าอยู่เฉย แต่เรารอ…รอเพื่อเอาสิ่งที่ดีที่สุด และเป็นปรากฏการณ์เข้ามา ที่ดินทั้ง 2 แปลงนี้ใหญ่มากและดีมาก หาไม่ได้อีกแล้ว การจะเอาเพชรมาเปิดเป็นศูนย์การค้าทั่วไป แบบเดิม ๆ ธรรมดา ๆ เราไม่ทำ และเรา 2 คนไม่ได้จบแค่นี้ มีอีกหลายอย่างที่จะสร้างปรากฏการณ์ร่วมกัน”

โดยเม็ดเงินลงทุนในเวิลด์คลาส อารีน่า 10,000 ล้านบาทนี้ EM Live มีความจุ 6,000 ที่นั่ง ด้วยคอนเซ็ปต์สถาปัตยกรรม State-of-the-Art พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และแบงค็อก อารีน่า จะเป็นรูปแบบ grand statement ด้วยความจุ 16,000 ที่นั่ง ซึ่งทั้ง 2 แห่งจะเป็นอารีน่าที่ทันสมัย และมีมาตรฐานเดียวกับอารีน่าสำคัญ ๆ ที่ใช้จัดคอนเสิร์ต และ World Class Event ในระดับโลก และจะเป็น iconic landmark ที่สำคัญ ในการดึงดูดลูกค้าทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เป็นศูนย์กลางของ event บันเทิง ดนตรี กีฬา ศิลปวัฒธรรม live performance รวมถึงการประชุมสำคัญของประเทศไทยในอนาคต ประกอบกับการบริหารงานมืออาชีพของ AEG ที่มาผนึกกำลังกัน

ฮับบันเทิง…จิ๊กซอว์ตัวใหม่

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ฉายภาพอีกว่า ปัจจุบัน AEG มีการลงทุนสถานที่จัดงานเพื่อความบันเทิงทั่วโลก อาทิ ลอสแองเจลีส นิวยอร์ก ลอนดอน เบอร์ลิน เซี่ยงไฮ้ และออสเตรเลีย การที่ AEG ลงทุนในประเทศไทยจึงเป็นโอกาสที่ดีมาก จากที่ผ่านมาเรายังไม่มีพื้นที่ที่เป็นเวิลด์คลาสระดับนี้มาก่อน

ภาพที่มองจากนี้ไปก็คือ เอ็มสเฟียร์จะมีครบทุกอย่าง มีไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้ง มีร้านอาหารดี ๆ ระหว่างรอชมคอนเสิร์ตระดับโลก มีสถานบันเทิงระดับ 5 ดาว ที่สำคัญคือไม่ต้องเดินทางไกล ๆ เพื่อไปดูคอนเสิร์ต

“เอ็มดิสทริคที่เราสร้างขึ้น ขาดอีกจิ๊กซอว์หนึ่งก็คือ ตัวนี้ จากเดิมที่มีเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ ที่เราทำขึ้นมายังเป็นเธียเตอร์จริง ๆ ใหญ่มาก สูงตั้ง 40 กว่าเมตร เท่ากับ 10 ชั้น ข้างล่างเป็นรีเทล รอบ ๆ ก็มีโรงแรม ออฟฟิศ จัดงานได้หลากหลาย เปิดตัวสินค้า เช่นเดียวกับแบงค็อกมอลล์ ที่เรารอแม่เหล็กแรง ๆ มาเติมเต็ม ซึ่งในที่สุดก็ได้ AEG มา”

ที่ผ่านมาประเทศไทยมีคอนเสิร์ตและการแสดงระดับโลกตระเวนมาเมืองไทยตลอดเวลา แต่ขาดสถานที่จัดการแสดงดี ๆ การร่วมทุนกับ AEG ทำให้นอกจากไทยเป็นฮับด้านการช็อปปิ้ง วัฒนธรรม ธุรกิจ MICE จะเป็นฮับเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง

เดินหน้า 3 ศูนย์การค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินหน้าก่อสร้าง “เอ็มสเฟียร์” และ “แบงค็อก มอลล์” เกิดขึ้นควบคู่กับการก่อสร้างเดอะมอลล์ รามคำแหง เป็นการเดินหน้าก่อสร้างศูนย์การค้าขนาดยักษ์พร้อม ๆ กันถึง 3 แห่ง เวลาเดียวกันเดอะมอลล์อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อขยายพื้นที่สาขางามวงศ์วานเพิ่มขึ้น

“เรามีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว ตอนที่ทำบางกะปิและบางแค เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเราแน่นอน” แม่ทัพเดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าว

ทำไมต้องเมืองไทย

นายอดัม วิลเคส ประธาน บริษัท เออีจี (เอเซีย) จำกัด กล่าวถึงการเข้ามาลงทุนในเมืองไทยว่า บริษัทมองเห็นศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะเมืองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค มีการเติบโตทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมถึงธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ MICE อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี จึงมีนโยบายที่จะเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้ และเดอะมอลล์ กรุ๊ป เป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพและวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจที่สอดคล้องกัน

ทั้งนี้ AEG ทำธุรกิจบันเทิงและกีฬาทั่วโลก รวมถึงการบริหารจัดการ World Class Arena ทั่วโลกด้วยการให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหาร การจัดการ รวมถึงจัดหา facilities ต่าง ๆ ให้กับสนามกีฬา และโรงละครกว่า 150 แห่งทั่วโลก อาทิ The O2 Arena ในอังกฤษ, The Sprint Center ในสหรัฐอเมริกา, The Mercedes-benz Arenas ในเยอรมนี เป็นต้น

ธุรกิจของ AEG รวมถึงบริหาร World Entertainment Event อาทิ ทัวร์คอนเสิร์ตจากศิลปินระดับโลก การแสดงดนตรี Live Performance เทศกาลความบันเทิงต่าง ๆ รวมถึงการจัดการสนามกีฬาสำคัญ ๆ อาทิ Staple Center และ L.A. Live โดยมี AEG Sports ที่บริหารจัดการแข่งขันกีฬาในระดับโลก

นอกจากนี้ ยังมี AEG Global Partnerships ดูแลประสานงานเรื่องสิทธิประโยชน์จากพาร์ตเนอร์ชิป และสปอนเซอร์ต่าง ๆ อาทิ จัสติน บีเบอร์, ซีลิน ดิออน, แคธี เพอร์รี่, เอ็ด ชีแรน, เทย์เลอร์ สวิฟต์, เมทัลลิกา และโรลลิ่ง สโตน