‘อินเตอร์ฟาร์มา’ เด้งรับไวรัส ลุยสินค้าสุขภาพรับตลาดโต

ทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร

“อินเตอร์ ฟาร์มา” สวนกระแสโควิด-19 หนุนคนหันมาใส่ใจสุขภาพ ดันยอดขายไตรมาส 1 โต 14%เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพความงาม-เสริมอาหาร ชูนวัตกรรมต่างจากคู่แข่ง เร่งขยายช่องทางขายเพิ่มทุ่มงบฯ 295 ล้าน ซื้อกิจการ “โมเดิร์น ฟาร์มา” ต่อยอดธุรกิจ-ลดต้นทุนผลิต ตั้งเป้าสิ้นปีรายได้โต 30%

นายทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มาจำกัด (มหาชน) หรือผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพวิตามิน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเติบโตขึ้นและช่วยกระตุ้นยอดขายในต้นเดือนมีนาคมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยบวกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และส่งผลให้การดำเนินงานในไตรมาส 1/2563สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัท มีรายได้เพิ่มขึ้น 14% หรือประมาณ 98.79 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัย เช่น โปรไบโอติกผลิตภัณฑ์วิตามินรวม และยาสีฟัน 47.77 ล้านบาท ตามด้วยการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เติบโตขึ้น และมียอดขาย 43.6 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 14.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น13% จากการบริหารจัดการต้นทุนการขาย และมีการลดค่าใช้จ่ายด้านกิจกรรมการตลาดบางรายการลง

อีกทั้งในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทได้ยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ ภายใต้ชื่อ “นาโบตะ” กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมความงาม ที่นำเข้าผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลี ทำให้ไม่มีรายได้จากการขายสินค้าดังกล่าวในไตรมาส 1/63 ซึ่งในปีที่ผ่านมามียอดขายประมาณ 13.85 ล้านบาท

นายทรงวุฒิกล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานจากนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ระยะยาว 3 ปี (2563-2565) ทั้งการเข้าซื้อกิจการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด หลัก ๆ จะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไหมยกกระชับจากฝรั่งเศส ซึ่งจะเข้ามาช่วยสร้างรายได้ในไตรมาส 3 นี้ตลอดจนการขยายช่องทางขายไปยังร้านโมเดิร์นเทรดในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักต่างจังหวัดให้ครอบคลุม เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล ที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

ควบคู่กับการจัดทำกิจกรรมการตลาดสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับความรู้ในการดูแลสุขภาพ และชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เพราะก่อนหน้านี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะเป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงการแพทย์ และเภสัชกรรม ส่วนใหญ่จะถูกเลือกใช้ในโรงพยาบาลและคลินิกเท่านั้น

Advertisment

นายทรงวุฒิกล่าวต่อไปว่า ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 295 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งหมด 100% ในบริษัท โมเดิร์น ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและนวัตกรรมความงามแบบครบวงจร และมีจุดแข็งด้านการผลิตและจำหน่ายยารักษาและป้องกันโรคสำหรับคนและสัตว์ อีกทั้งยังมีสัญญาขายล่วงหน้าให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ หลายแห่ง โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม และช่วยลดต้นทุนการผลิตในระยะยาวได้ เบื้องต้นคาดว่าการดำเนินการโอนหุ้นทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2563

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนรุกขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ประสบความสำเร็จในการบุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์ในประเทศเกาหลี ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และจากนี้วางแผนขยายตลาดไปสู่ประเทศญี่ปุ่นและจีน คาดว่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานในปี 2563 ที่จะสร้างสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้หลักจากในประเทศกว่า 90% และอีก 10% อยู่ในสัดส่วนของยอดขายต่างประเทศ

“ในอนาคตเรามองว่า บริษัทจะเติบโตด้วยการทำ M&A เนื่องจากมีฐานลูกค้าอย่างครอบคลุม และจากนี้จะใช้โรงงานนี้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามสำหรับคนและสัตว์ โดยปัจจุบัน โมเดิร์น ฟาร์มามีทะเบียนเวชภัณฑ์สำหรับคนและสัตว์รวมกว่า 100 สูตรตำรับ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรมความงามสําหรับคน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัย, ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงาม 2.ผลิตภัณฑ์สุขภาพสําหรับสัตว์ ได้แก่ กลุ่มดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์สําหรับปศุสัตว์ โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้าสร้างรายได้โต 30% หรืออยู่ที่ 500ล้านบาท” นายทรงวุฒิกล่าว