แฟชั่นสหรัฐ ส่งสัญญาณฟื้นตัว แบรนด์เร่งเติมสต๊อกชุดทำงาน-ยีนส์

market move

ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 กันอย่างเร่งด่วนนี้ วงการแฟชั่นเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เริ่มขยับตัวเตรียมรับมือกับเทรนด์เสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนแปลงใหญ่อีกครั้ง เมื่อผู้คนกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านและทำงานในออฟฟิศอีกครั้ง หลังเริ่มเห็นสัญญาณได้ในหลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกาที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เสื้อผ้าสไตล์ทางการและกึ่งทางการ อย่างชุดเดรสและกางเกงยีนส์ มียอดขายกระเตื้องขึ้นมาอีกครั้ง

สำนักข่าว “ซีเอ็นบีซี” รายงานถึงสัญญาณความเปลี่ยนแปลงในดีมานด์สินค้าแฟชั่นของสหรัฐ โดยชุดเดรสเริ่มกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้ง สะท้อนจากอันดับสินค้าขายดีช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ของแอนโทรโพโลยี (Anthropologie) เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแฟชั่นในเครือ “เออร์เบินเอาต์ฟิตเตอร์ส” นั้นเป็นชุดเดรสถึง 7 ใน 10 อันดับ สวนทางกับเทรนด์ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมาซึ่งเสื้อผ้าสไตล์สบาย ๆ สำหรับใส่อยู่บ้าน หรือชุดกีฬาครองอันดับมาตลอด

“ริชาร์ต ไฮน์” ประธานกรรมการบริหารของเออร์เบินเอาต์ฟิตเตอร์ส ให้ความเห็นเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ว่า สิ่งนี้อาจสะท้อนถึงพฤติกรรมของชาวอเมริกันที่เตรียมออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านอีกครั้ง ซึ่งทำให้แฟชั่นสำหรับใส่ออกนอกบ้านกลับมาได้รับความนิยมตามไปด้วย หลังจากช่วงที่ผ่านมาแค่การมีชุดเดรสติด 1 ใน 10 อันดับก็แปลกแล้ว

จากนี้คงได้เห็นวงการธุรกิจแฟชั่นเริ่มเคลื่อนไหวปรับเปลี่ยนไลน์อัพสินค้าที่แต่ละรายนำมาจำหน่าย

ส่วน “สกอต แบ็กเตอร์” ประธานกรรมการบริหารของคอนทัวร์ แบรนด์ เจ้าของแบรนด์ยีนส์แรงเลอร์และลี ระบุว่า ดีมานด์ยีนส์เริ่มกลับมาแล้วเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะชาวอเมริกันเริ่มกลับมาแต่งตัวอีกครั้ง โดยยีนส์จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ เพราะความยืดหยุ่นสามารถใส่เที่ยวและทำงานได้

ทั้งนี้ ตามข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐขณะนี้สามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ประมาณ 2 ล้านโดสต่อวัน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้หลายพื้นที่เริ่มกลับมาพิจารณาผ่อนปรนมาตรการสกัดโรค อย่างการทานอาหารในร้าน หรือใช้บริการโรงภาพยนตร์ เป็นต้น

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของบรรดาผู้ค้าปลีก อาทิ เชนห้างสรรพสินค้า “เมซีส์” ซึ่งโฆษกของห้างระบุว่า วางแผนเตรียมเพิ่มสต๊อกกลุ่มชุดทำงานและเสื้อผ้าสไตล์ทางการไว้แล้ว เนื่องจากเชื่อว่าผู้บริโภคกำลังจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง ส่วน “โคห์ล” (Kohl) และ “บานาน่ารีพับลิก” (Banana Republic) รวมถึงผู้ผลิตชุดสูท สูทซัพพลาย (Suit Supply) ต่างลอนช์แคมเปญใหม่รับฤดูใบไม้ผลิและการใช้ชีวิตนอกบ้านออกมา เช่น “The Great Refresh” “Spring Awakening” และ “New Normal” เป็นต้น

ขณะที่นักวิเคราะห์การลงทุนหลายสำนักมีความเห็นคล้ายกันว่า ตอนนี้ผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อน่าจะเริ่มเบื่อหน่ายกับแฟชั่นเดิม ๆ ที่ตนใส่ตอนอยู่บ้านมาตลอด ขณะเดียวกันมองหาช่องทางใช้จ่ายเพื่อลดความเครียด ทำให้โอกาสที่เม็ดเงินจะมาลงกับสินค้าแฟชั่นเป็นไปได้สูงมาก

“สเตซี่ วิลดิส” ประธานบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจค้าปลีกเอสดับบลิว รีเทล แอดไวเซอร์ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้คนเริ่มรู้สึกปลอดภัยพอที่จะแต่งตัวสวยออกไปเฉิดฉายนอกบ้าน รวมถึงพบปะสังสรรค์กันบ้างแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุน้อย

“ธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการเข้าสังคมและความแปลกใหม่อยู่เสมอ จึงไม่แปลกที่จากนี้ผู้บริโภคจะต้องการใช้เงินไปกับการซื้อเสื้อผ้าใหม่เพื่อออกไปพบปะเพื่อนฝูง ญาติมิตรที่ไม่ได้พบมากว่า 1 ปี”

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ อย่างระบบขนส่งสินค้าที่กำลังเป็นอัมพาตทั้งระดับโลกและประเทศจากสภาพขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกระทบกับผู้เดินเรือและการนำเข้าส่งออกทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐเองเกิดการขาดแคลนพนักงานขับรถบรรทุกสินค้าเช่นเดียวกัน ทำให้ท่าเรือหลายแห่งเนืองแน่นไปด้วยสินค้าที่รอคิวนำเข้า-ส่งออก

สภาพเช่นนี้ทำให้การขนส่งสินค้าต้องใช้เวลานานกว่าปกติ 3-4 สัปดาห์ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งสำหรับสินค้าแฟชั่นที่มีซีซั่นชัดเจนถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยหลายรายเผชิญปัญหานี้มาแล้วกับสินค้าฤดูหนาวที่มาช้าไปหลายสัปดาห์ ทำให้เหลือเวลาขายไม่นานและต้องเร่งเคลียร์สต๊อกให้ทันก่อนเข้าฤดูใบไม้ผลิ ขณะเดียวกันการวางแผนจัดเตรียมสินค้าสำหรับฤดู-เทศกาลต่าง ๆ ท้าทายมากขึ้นด้วย

โดยห้างค้าปลีก “นอร์ดสตอร์ม” อธิบายว่า ความล่าช้านี้ทำให้สินค้าปีใหม่ที่บริษัทสั่งซื้อเข้ามาผิดช่วงเวลาไปมาก จนกระทบผลประกอบการไตรมาส 4 และจนเดือนมีนาคมแล้วยังขายระบายสต๊อกเหล่านั้นออกไปไม่หมด

ส่วน “แกป” (Gap) แบรนด์แฟชั่นสัญชาติสหรัฐ ระบุว่า อุปสรรคในการขนส่งสินค้านี้น่าจะลากยาวไปจนถึงกลางปี ซึ่งตอนนี้มีโอกาสสูงที่สต๊อกสินค้าไตรมาสแรกของบริษัทจะล้นเข้าไปสู่ไตรมาส 2 ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าเทรนด์แฟชั่นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามคาดหรือไม่ และบรรดาธุรกิจแฟชั่นและค้าปลีกจะแก้โจทย์การขนส่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้อย่างไร