บี้ซัพพลายเออร์ปรับไลน์ผลิต “MGZS” แรง-แบ็กออร์เดอร์ทะลัก 4 พันคัน

“เอ็มจี” บี้ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนเพิ่มกำลังผลิต เบรกแผนส่งออกหลังกระแสตอบรับ “แซดเอส” ดีเกินคาด เผยแบ็กออร์เดอร์ทะลักกว่า 4 พันคัน เดินเครื่องขยายโชว์รูมครบ 120 แห่ง หวังดันยอดขายปีนี้โต 2 เท่าตัว ยอดขายแตะ 3 หมื่นคัน

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของรถยนต์เอ็มจีในปีนี้ เพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย การมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัว หรือ มียอดขาย 30,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ทำได้ 12,000 คัน

โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายไปแล้วกว่า 7,600 คัน และสำหรับเป้าหมายที่ 30,000 คันนั้น บริษัทตั้งเป้า สัดส่วนยอดขาย มากถึง 50% มาจากกลุ่มรถยนต์นั่งแบบเอสยูวี ที่เพิ่งแนะนำตัวไปอย่างเอ็มจี แซดเอส ส่วนที่เหลืออีก 50% จะเป็นรุ่นเอ็มจี 3,5,6 และจีเอส

ทั้งนี้จะเห็นว่า รถยนต์เอ็มจี แซดเอสหลังจากเปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มียอดจองไปแล้ว 10,000 คัน และมียอดส่งมอบไปถึง 6,000 คันแล้ว หรือมีแบ็กออร์เดอร์ถึง 4,000 คัน และยังมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทกำลังวางแผนการผลิต เพื่อเคลียร์แบ็กออร์เดอร์ เพื่อผลิตและส่งมอบรถยนต์เอ็มจี แซดเอส ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้จะสามารถเคลียร์แบ็กออร์เดอร์ได้

นอกจากเป้าหมายในแง่ของยอดการจำหน่ายแล้ว บริษัทจะเดินหน้าเพื่อขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ ให้ครบ 120 แห่งภายในปีนี้

“กระแสตอบรับของแซดเอสนั้นค่อนข้างดีมาก ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่ารถรุ่นนี้จะช่วยให้เราเดินสู่เป้าหมายอันท้าทายได้ ปัจจุบันเรามีกำลังผลิตรถรุ่นนี้ 1,200 คันต่อเดือน ตอนนี้เราเจรจากับโรงงาน และซัพพลายเออร์เพิ่มเป็น 1,500 คันต่อเดือน ซึ่งน่าจะทำได้”

ทั้งนี้บริษัทอาจจะต้องพิจารณาอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้วางแผนส่งออกรถรุ่นนี้ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่เนื่องจากตลาดในประเทศให้การตอบรับค่อนข้างมาก ดังนั้นบริษัทจึงต้องหารือเรื่องการส่งออกอีกครั้งเพราะต้องการรองรับความต้องการของตลาดในประเทศให้ได้มากที่สุดก่อน

ส่วนแผนแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดนั้น บริษัทยังยืนยันนโยบายที่ต้องการแนะนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดทุก 6 เดือนทั้งรถยนต์รุ่นใหม่ และการบิ๊กไมเนอร์เชนจ์

ด้านความคืบหน้าของความเป็นไปได้และความสนใจในการทำตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ขณะนี้บริษัทแม่ยังคงทำงานหนักร่วมกับเอ็มจี เพื่อมองหาโอกาสและความเป็นไปได้เนื่องจากตลาดรถปิกอัพ ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ 2/3 ของตลาดรถยนต์ ดังนั้นหากเอ็มจีมีผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ออกสู่ตลาดก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีทั้งในแง่ของความหลากหลายของสินค้าที่น่าสนใจ และตัวแทนจำหน่ายมีรถทำตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะบางพื้นที่นั้นมีความต้องการใช้รถปิกอัพขนาด 1 ตัน มากกว่ารถยนต์นั่ง หรือเอสยูวี และเชื่อว่า โดยศักยภาพของโรงงานในประเทศไทยสามารถปรับไลน์การผลิตเพื่อรองรับกับรถยนต์ประเภทนี้ได้

“ปีนี้ลูกค้าคงจะยังไม่ได้เห็นรถปิกอัพจากเอ็มจี แต่ปีหน้าจะได้เห็นหรือไม่นั้นต้องลุ้นกันอีกที นอกจากนี้เรายังมีรถประเภทอื่น ๆ ที่น่าสนใจทั้งรถบรรทุก รถแวน ฯลฯ ด้วย”

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวถึงเป้าหมายของเอ็มจี ประเทศไทยในอีก 2 ปีจากนี้ว่าบริษัทจะก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับเทียร์ 1 ของบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ที่มียอดขายมากกว่า 100,000 คันต่อปี ภายในปี 2563 ให้ได้

ส่วนความคืบหน้าของการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในส่วนของรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้านั้น บริษัทได้มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปทางบีโอไอจริง และขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียด เงื่อนไขต่าง ๆ และรอการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลไทย