“เบนซ์” รุกปลั๊ก-อินส่งเพิ่ม 20 รุ่น เปิดไลน์แบตเตอรี่ดีเดย์พ.ค.นี้

เบนซ์เผยขอส่งเสริมบีโอไอ เดินหน้าลุยรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด-รถอีวี เต็มสูบ หลังเทงบฯตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไทย เตรียมขึ้นไลน์ผลิต พ.ค.นี้ ลั่นปีนี้ส่งรถไฟฟ้า “อีคิวซี” ทำตลาดในไทย พร้อมเตรียมส่งแนวรบลุยตลาดกว่า 20 รุ่น

นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ในส่วนของการผลิตรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด และรถยนต์อีวี ไปเป็นที่เรียบร้อย และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณาและรออนุมัติ

โดยในเดือนพฤษภาคมนี้บริษัทมีแผนจะเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ หลังจากบริษัทได้ลงทุนกว่า 100 ล้านยูโรไปเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อขยายการผลิตในไทยร่วมกับพันธมิตรในประเทศ คือธนบุรีประกอบรถยนต์ในการขยายโรงงานรถยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่แห่งใหม่ขึ้น สำหรับรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว (battery electric vehicle-BEV)

โดยโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งนี้ถือเป็นโรงงาน 1 ใน 6 แห่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก ที่จะทำหน้าที่ผลิตแบตเตอรี่เพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั่วโลก

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการลงทุนร่วมกับพาร์ตเนอร์เพื่อเตรียมพร้อมในส่วนของอินฟราสตรักเจอร์ต่าง ๆ เพื่อรองรับในอนาคตและภายในปีนี้

บริษัทมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์อีวีอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวซี ออกสู่ตลาดประเทศไทย และรถรุ่นดังกล่าวถือว่าเป็นรถที่อยู่ในแผนงานที่บริษัทได้เสนอไปยังบีโอไอ

“ปีที่ผ่าน ๆ มาถือเป็นปีแห่งการวางรากฐาน เพราะเราได้มีการนำเสนอทั้งสินค้า ไม่ว่าการลงทุนร่วมกับพาร์ตเนอร์ในส่วนของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ การส่งรถในกลุ่มอีคิวออกสู่ตลาด การเดินหน้าทำสถานีชาร์จ ฯลฯ ซึ่งเราเป็นผู้นำ สิ่งไหนที่พร้อมเราจะทำเลยทันที ไม่จำเป็นต้องรอ และเป็นที่แน่นอนปีนี้เราจะนำรถอีคิวซี รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วย”

นายโฟลเกอร์ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงผลการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมาว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดขายทั่วโลก 2,310,185 คัน และยังเป็นสถิติการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปี ในจำนวนนี้เป็นยอดขายจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จำนวน 943,473 คัน โต 7.8%

โดยญี่ปุ่น อินเดีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับประเทศไทยนั้น บริษัทสามารถสร้างสถิติด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์สูงถึง 15,785 คัน โต 9% สามารถครองตำแหน่งอันดับ 1 ในตลาดรถหรูไว้ได้เป็นปีที่ 18 ติดต่อกัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 50% ของยอดขายในตลาดรถพรีเมี่ยม โดยรวมมียอดขายอยู่ที่ 32,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ 27,000 คัน

ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และมีแผนเปิดตัวรถยนต์ออกสู่ตลาดมากกว่า 20 รุ่น ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ โดยล่าสุดประเดิมเปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่นใหม่ตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ E53 4MATIC+ Coup/ รุ่นนำเข้า เอาใจสาวกรถยนต์สายพันธุ์แกร่ง พร้อมเสริมทัพด้วยบริการหลังการขาย พร้อมเตรียมเปิด “คลังอะไหล่แห่งใหม่” ที่ครบวงจรที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์

นอกจากนี้บริษัทได้วางกลยุทธ์ในการแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการไว้ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีผู้จำหน่ายจังหวัดละ 1 แห่งเท่านั้น และในปีนี้เตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มอีก 4 แห่ง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรวม 36 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงเปิดตัวผู้แทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อีก 1 แห่ง จาก 12 แห่ง เป็น 13 แห่ง ในปีนี้ และเปิดตัว “AMG Brand Center” แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งมีเพียง 11 แห่งจากทั่วโลก

“ในปีนี้เราเตรียมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์อีคิวตลอดทั้งปี ทั้ง EQ Power รถยนต์แบบปลั๊ก-อินไฮบริด EQ Power+ ที่เป็นส่วนหนึ่งในรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และกลุ่มรถยนต์แต่ง และ EQ สำหรับรถยนต์ battery electric vehicles หรือ BEV พร้อมวางแผนขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 80 แห่ง โดยจะเลือกสถานที่ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการ”