“พรประภา” เปิดแพลตฟอร์มใหม่ 1380 ยีเอสฯ “พร้อม” ดูแลลูกค้า

ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมยานยนต์มียอดขายลดลงต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา และยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้

วันก่อนยักษ์เเห่งวงการแบตเตอรี่บ้านเรา “ยีเอส แบตเตอรี่” ภายใต้อุ้งปีกของกลุ่มสยามกลการ กลุ่มทุนไทยยักษ์ใหญ่ ที่ล่าสุด ผู้บริหารอย่าง “ประกาสิทธิ์ พรประภา” ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ได้ออกมาประกาศปฏิวัติวงการเเบตเตอรี่ไทย ด้วยการส่งบริการรูปแบบใหม่ “ยีเอส พร้อม” หรือ GS PROMPT 1380 มานำเสนอแล้ว

“ประชาชาติธุรกิจ” ไม่พลาดขออัพเดตสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไทยจะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน

Q : แนวโน้มตลาดในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับตลาดแบตเตอรี่ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น เรียกว่าอยู่ในภาวะ “ทรงตัว” มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าตลาดในช่วงปี 2561 เทียบกับปี 2560 มียอดลดลง และจากปี 2561 มาปี 2562 ที่ผ่านมา อยู่ในภาวะทรงตัว เรียกว่า ตลาดแบตเตอรี่ กับในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่นเดียวกัน ทั้งแบตเตอรี่ในตลาดที่ผลิตป้อนให้กับโรงงานผลิตรถยนต์หรือโออีเอ็ม และผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดทดแทน หรืออาร์อีเอ็ม เรียกว่าทรงตัวทั้ง 2 ตลาด

Q : ประเมินภาพรวมในปีนี้

สำหรับ 2563 นี้ ยีเอสฯเชื่อว่าตลาดเเบตเตอรี่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยน่าจะอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “หดตัว” หลังจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ได้ออกมาประเมินสถานการณ์ ในส่วนของตลาดโออีเอ็ม แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองในเเง่ดีว่า ความต้องการใช้งานในส่วนของแบตเตอรี่ในตลาดทดแทนจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ยีเอสฯตั้งเป้าหมายในปีงบประมาณ 2562 นี้ไว้ที่ 3,800 ล้านบาท โต 30% หรือมียอดส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 35% จากความต้องการในตลาดทดแทนที่ 5 ล้านลูกต่อปี และหากนับรวมรายได้จากส่วนของโรงงานผลิตแบตเตอรี่เเล้ว ปีนี้กลุ่มมีรายได้จากยีเอส แบตเตอรี่ ใกล้เคียง 10,000 ล้านบาท

ส่วนในปีงบประมาณ 2563 บริษัทตั้งเป้าว่าอย่างน้อยจะต้องรักษาระดับการเติบโต และรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังมีผลจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศชะลอตัวต่อเนื่อง รวมทั้งโดยปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งเงินบาทแข็งค่า, การกีดกันทางการค้า, หนี้ครัวเรือนสูง เป็นต้น ล้วนเเต่ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคในปีนี้จะมีพฤติกรรมที่ยืดระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่นานขึ้น และเลือกซื้อสินค้าที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น ส่วนตลาดส่งออกจะมีการส่งออกใกล้เคียง 1 ล้านลูกต่อปี เพิ่มขึ้น 10%

หลังจากปีที่ผ่านมา เริ่มส่งออกแบตเตอรี่กลับไปจำหน่ายยังญี่ปุ่นมากถึง 200,000 ลูก และจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นควบคู่ไปกับการส่งออกไปยังประเทศกลุ่มอาเซียน เพื่อไปสู่เป้าหมายภายใน 5 ปี สัดส่วนของการส่งออกจาก 25% จะเพิ่มเป็น 30%

Q : แผนการงานหลักในปีนี้

ช่วงที่ผ่านมา ยีเอส แบตเตอรี่ เราได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและองค์กรไปแล้วใน 3 ด้าน คือ การปรับโครงสร้างราคาตลาด, ปรับโครงสร้างราคาสินค้า และปรับโครงสร้างการบริหารงาน เน้นการลงพื้นที่เข้าไปหาผู้แทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการขยายเข้าไปทำตลาดในส่วนของแบตเตอรี่รถเพื่อการเกษตรมากขึ้น มีส่วนทำให้ยีเอส แบตเตอรี่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 30% สวนทางตลาดโดยรวมแล้ว และเนื่องจากตลาดแบตเตอรี่มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นและรุนแรงเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

บริษัทยืนยันว่าไม่มีนโยบายเข้าไปแข่งขันด้าน “ราคา” จึงได้หันมาปรับปรุงคุณภาพสินค้าและความน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ยีเอส แบตเตอรี่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 30% สวนทางตลาดโดยรวมแล้ว ส่วนปีนี้เราจะปรับปรุงในส่วนของโรงงานยีเอส แบตเตอรี่

ปัจจุบันมีกำลังผลิตที่ 4.5 ล้านลูกในปีนี้เรามีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตขึ้นเป็น 5 ล้านลูกต่อปี แน่นอนว่าจะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มกำลังผลิต และปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ อีกไม่น้อยกว่า 380 ล้านบาท

Q : ส่งบริการใหม่ครองใจลูกค้าเพิ่ม

จะเห็นว่าวันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน และพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค บริษัทจึงได้เปิดบริการดังกล่าวขึ้นเพื่อรองรับความต้องการซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ จากเดิมบริษัทวางจำหน่ายแบตเตอรี่ผ่านช่องทางเทรดิชั่นนอลเทรดและโมเดิร์นเทรด โดยได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั่วประเทศกว่า 100 ราย ใน 50 จังหวัด

พร้อมอำนวยความสะดวกด้วยระบบคอลเซ็นเตอร์ 1380 โดยจะมีเจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลเบื้องต้น เช่น รุ่นรถยนต์,รุ่นแบตเตอรี่, สถานที่การจัดส่ง, ตำแหน่งรถเสีย รวมถึงการให้คำปรึกษาโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่รถยนต์ จากนั้นจะมีการแจ้งชื่อและเลขทะเบียนรถของพนักงานที่จะเดินทางไปให้บริการภายใน 30 นาที เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ในความปลอดภัยและมาตรฐานของการให้บริการระดับมืออาชีพซึ่งแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนผ่านบริการนี้จะได้รับการรับประกันซึ่งสามารถเข้ารับบริการได้ที่ทุกสาขาทั่วประเทศ

รวมถึงมาตรฐานราคาจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งไม่มีค่าบริการใด ๆ เพิ่มเติม ซึ่งจากโครงการนี้เราหวังว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายแบตเตอรี่ที่มาจากบริการดังกล่าวจะอยู่ที่ราว 10% ของยอดขายในตลาดทดแทนแล้ว และบริษัทยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เฉพาะรุ่น รวมทั้งการขยายกลุ่มแบตเตอรี่ไปยังกลุ่มรถเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่ยังไม่เคยทำตลาดมาก่อน และยังคงมุ่งมั่นในการใช้กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ซึ่งจะมีการเปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่อย่างน้อย 4-5 รุ่น และการมุ่งเน้นตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นในอนาคต