เมอร์เซเดส-เบนซ์ กวาดยอดขายทั่วโลก 2.4 ล้านคันรถยนต์ไฟฟ้าโต 154%

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยผลประกอบการปี 2564 ดีมานด์ยังแข็งแกร่งจากยอดขายรถยนต์ไฮเอนด์และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นในไทย ยอดขายรวมโต 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ชูความโดดเด่นของรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริดที่ดันยอดขายโต 14% “The new EQS” พร้อมนำทัพรถยนต์ใหม่บุกตลาดต่อเนื่องในปี 2565

นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เดมเลอร์ เอจี ได้รีแบรนด์เป็น “เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี” ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อให้สอดรับกับการทำตลาดซึ่งระยะหลังเมอร์เซเดส มีการแตกซับแบรนด์เพิ่มมากขึ้น อาทิ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี , เมอร์เซเดส-มายบัค, เมอร์เซเดส -จีคลาส และเมอร์เซเดส-อีคิว

ส่วนผลประกอบการปี 2564 ที่ผ่านมาเมอร์เซเดส-เบนซ์กวาดยอดขายทั่วโลกกว่า 2.4 ล้านคัน แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายในสถานการณ์โควิด-19 และปัญหาเรื่องซัพพลายเชนของเซมิคอนดักเตอร์ โดยยอดขายรถยนต์พลังไฟฟ้า (xEVs) และรถยนต์ไฮเอนด์สร้างสถิติใหม่ ตอกย้ำการพัฒนากลยุทธ์ด้านการขายแบบผสมผสาน

“แบรนด์ Mercedes-Maybach, Mercedes-AMG และ G-Class มียอดขายที่สร้างสถิติใหม่ในปี 2564 ถือเป็นการย้ำความแข็งแกร่งของความเป็นแบรนด์รถยนต์หรูที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่วนรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าทำสถิติยอดขายสูงถึง 227,458 คัน หรือเพิ่มขึ้น 69.3% โดย 48,936 คันในจำนวนนั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ จากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 154.8% ตั้งแต่รถยนต์รุ่น EQS ออกวางจำหน่ายในตลาดโลกในเดือนสิงหาคม 2564 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแฟลกชิปคันนี้ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามามากถึง 16,370 คัน

Advertisment

สำหรับในประเทศไทย ยอดขายโดยรวมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเห็นได้ชัดว่าดีมานด์ของลูกค้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด”

นายโฟล์เกอร์กล่าวว่า ดีมานด์จากผู้บริโภคทั่วโลกทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมที่จะก้าวสู่ยุคใหม่ของการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากยอดขายของรถยนต์รุ่น S-Class ที่เพิ่มขึ้น 40% เป็น 87,064 คัน โดยยอดขายในประเทศจีนคิดเป็น 35.5% ของความต้องการรถยนต์รุ่นนี้จากทั่วโลก

ในขณะที่ยอดขาย G-Class ก็เพิ่มขึ้นแบบสร้างสถิติใหม่ที่ 41,174 คัน ส่วนยอดขาย Mercedes-AMG ทำได้ 145,979 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับยอดขาย Mercedes-Maybach อยู่ที่ 15,730 คัน หรือเพิ่มขึ้น 50.7% ด้วยแรงหนุนจากประเทศจีนซึ่งรถยนต์ Mercedes-Maybach สามารถทำยอดขายได้ในอัตราที่มากกว่า 900 คันในแต่ละเดือน

“ในประเทศไทย ความต้องการในตลาดรถยนต์ระดับลักเซอรี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์โควิด ส่วนหนึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เราให้ความสำคัญกับลูกค้าและนำเสนอสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างตรงใจ ตลอดปี 2564 เมอร์เซเดส-เบนซ์และพนักงานทุกคนมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดเสมอให้กับลูกค้า นอกจากแคมเปญการตลาดที่น่าตื่นเต้นมากมายที่เรานำเสนอออกมาตลอดทั้งปี เรายังได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

Advertisment

ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่น GLS และรุ่น S-Class ใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา เรายังได้ประกาศเปิดตัว The new EQS ซึ่งจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์จะผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปีนี้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่อย่างเป็นทางการของการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย

นอกจากนี้ อีกหนึ่งความพิเศษของปี 2564 คือการที่เราได้รับรางวัล “บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชียปี 2021” จาก HR Asia สะท้อนถึงการทำงานด้วยความมุ่งมั่นของพวกเราทุกคนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างดีที่สุด” นายโฟล์เกอร์กล่าว