ศึก “วัคซีน”

Market-think
สรกล อดุลยานนท์

ตอนนี้รัฐบาลเผชิญกับแรงกดดันจากภาคเอกชนเรื่อง “วัคซีน” มากขึ้นเรื่อย ๆ

ในมุมของภาคเอกชนมองว่า “วัคซีน” คือ “เชื้อเพลิง” สำคัญของเศรษฐกิจไทย

ในงานสัมมนาครั้งล่าสุดของ “ประชาชาติธุรกิจ” ชัดเจนที่สุด

นักธุรกิจทุกคนพูดแต่เรื่อง “วัคซีน”

เขาอยากให้รัฐบาลเปิดประตูให้เอกชนจัดหาและฉีด “วัคซีน” กันเอง

ทุกคนพร้อมจ่ายเอง

คนเป็นนักธุรกิจเขาประเมินแล้วว่าต่อให้ต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง

ก็ยังคุ้ม

เพราะผลตอบแทนที่ได้รับจากการที่พนักงานทุกคนฉีดวัคซีนมากกว่าค่าวัคซีน

ช่วยธุรกิจของตัวเองด้วย และช่วยลดภาระรัฐบาลด้วย

เป็นเรื่องที่ “วิน-วิน” อย่างยิ่ง

อย่าแปลกใจที่ตอนนี้ภาคเอกชนเริ่มกดดันรัฐบาลหนักขึ้นเรื่อย ๆ

เริ่มจากให้สัมภาษณ์เป็นความเห็นส่วนตัว

ถ้ายังไม่ได้ผล สักพักหนึ่งภาคเอกชนจะเริ่มจับกลุ่มกันกดดันรัฐบาลในรูปแบบสภา หรือสมาคม

แรงกดดันนี้จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ

เพราะภาคเอกชนตอนนี้ไม่ไหวแล้ว

จะหมดลมหายใจกันแล้ว

รัฐบาลจะมาบอกให้ทนอีกหน่อย อึดอีกนิด

ถ้าเป็นช่วงที่อยู่ในอุโมงค์ “โควิด-19” มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืด ไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

แบบนั้นยังไงก็ต้องอึดต้องทน

แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ลมหายใจเหลือน้อยลง แต่มีความหวังเพราะเห็น “วัคซีน” ที่ปลายอุโมงค์

สถานการณ์แบบนี้ ถ้ารัฐบริหาร “ความรู้สึก” ภาคเอกชนไม่ดี

อธิบายเหตุผลไม่ได้ว่า ทำไมถึงไม่ช่วยเปิดทางให้ภาคเอกชน หรือโรงพยาบาลเอกชนนำเข้าวัคซีนเอง

ความรู้สึกของภาคเอกชนต่อรัฐบาลจะเป็น “ลบ” ทันที

คนไทยนั้นยังมีความเกรงอกเกรงใจรักษาหน้ารัฐบาล

แต่ฝรั่งอย่าง “บิลล์ ไฮเนคกี้” ของ “ไมเนอร์ กรุ๊ป” เขาพูดตรง ๆ เลยตามสไตล์ตะวันตก

เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี 2 ฉบับแล้ว

ความรู้สึกของคุณบิลล์ คือ ความรู้สึกเดียวกับนักธุรกิจไทย

เพียงแต่การแสดงออกแตกต่างกัน

อยากเตือนรัฐบาลว่า ภาคเอกชนแต่ละคน connection ไม่ธรรมดานะครับ

ขอเตือนให้ระวัง และระวัง

เดี๋ยวอะไรหล่นลงมา

จริง ๆ แล้วในมุมของรัฐบาล เวลานี้น่าจะเป็นช่วงทำคะแนน

เลียนแบบ “โจ ไบเดน” ได้เลย

กล้าประกาศว่าจะฉีดวัคซีนให้คนไทยภายในเดือนไหน

ปักธง แล้วหาวิธีการ

เมื่อคุยว่าเรามีโรงงานวัคซีนในประเทศแล้ว เราย่อมกำหนดเวลาการฉีดวัคซีนได้

ตั้งวอร์รูมเรื่อง “วัคซีน” ไปเลย

โยนโจทย์ให้คิดว่า ทำอย่างไรโรงพยาบาลเอกชน และภาคเอกชนจะได้ซื้อวัคซีนมาฉีด

กล้าปักธงไปเลยว่าภายในเดือนเมษายน

ขออนุญาตลอกวิธีการบริหารวิกฤตของ “พี่เตา” บรรยง พงษ์พานิช มาใช้

เมื่อรัฐบาลโยนโจทย์ไปแล้ว

ห้ามตอบว่าทำไม่ได้

“วอร์รูม” มีหน้าที่อย่างเดียวคือ ตอบว่าต้องทำอย่างไร

มีกำแพงที่หน่วยงานไหนก็ทะลวงไปเลย

ลดขั้นตอนลง เพราะวันนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นช่วงวิกฤต

กฎหมายข้อไหนเป็นอุปสรรค ผมแนะนำให้ใช้บริการของ “วิษณุ เครืองาม”

เทพเจ้าแห่งการยกเว้น

อำนาจจากการประกาศภาวะฉุกเฉินต้องเอามาใช้

รัฐบาลอ้างเรื่องโควิด-19 ประกาศภาวะฉุกเฉินมาเป็นปีแล้ว

เอาอำนาจในมือมาใช้ทะลุทะลวงเรื่องนี้บ้าง

อย่าให้คนนินทาได้ว่าเอามาใช้ผิดเรื่อง

ใช้กับเรื่องการเมืองจัดการ “ม็อบราษฎร” อย่างเดียว

แต่เรื่อง “วัคซีน” ที่เกี่ยวกับ “โควิด” โดยตรงกลับไม่ยอมใช้

ผมเชื่อว่าคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาจากภาคเอกชนน่าจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

โอกาสทำคะแนนมาถึงแล้วครับ