หัวหน้า 8 พรรค 313 เสียง ลงนาม MOU เปลี่ยนผ่านรัฐบาล ให้ความสำคัญระบอบการปกครอง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แสวงจุดร่วมนโยบาย 23 ข้อ
วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล และพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ชง MOU โดยทุกพรรคเห็นร่วมกันว่า ภารกิจของรัฐบาลที่ทุกพรรคจะผลักดันนั้นจะต้องไม่กระทบต่อรูปแบบของรัฐ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ขององค์พระมหากษัตริย์ ทั้งนี้มี 23 ข้อ
1.ฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมถึงจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
2.ยืนยันและผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อรับประกันสิทธิสมรสสำหรับคู่รักทุกเพศ โดยจะไม่บังคับประชาชนที่เห็นว่าขัดแย้งกับหลักการของศาสนาที่ตนนับถือ
3.ผลักดันการปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพและกระบวนการยุติธรรมให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย โดยยึดความโปร่งใส ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
4.เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ทั้งนี้ ยังคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารยามศึกสงคราม
5.ร่วมผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคำนึงถึงหลักการด้านสิทธิมนุษยชน และการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงทบทวนภารกิจของหน่วยงานและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง
6.ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ เพื่อให้ท้องถิ่นตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และปราศจากทุจริต
7.แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐในทุกหน่วยงาน
8.ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม
9.ยกเครื่องกฎหมายเกี่ยวกับการทำมาหากิน และการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น ตัด ลด หรือพักใช้ชั่วคราวซึ่งใบอนุมัติ อนุญาตที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคเพื่อปรับปรุงใหม่ ให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องทางด้านการเงินและสร้างแต้มต่อให้ SMEs พร้อมมุ่งเน้นการเติบโตของ GDP ของ SMEs สนับสนุนอุตสาหกรรมและสินค้าไทยให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้
10.ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยพรรคประชาชาติขอสงวนสิทธิในการไม่เห็นด้วยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ด้วยเหตุผลด้านศาสนา
11.ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ ด้วยการผลักดันกฎหมายปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม แก้ปัญหาแนวเขตป่าไม้ของรัฐที่ทับซ้อนกับที่ดินของประชาชน รวมถึงการทบทวนคดีที่เป็นผลจากนโยบายทวงคืนผืนป่า
12.ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
13.จัดทำงบประมาณแบบใหม่ โดยเน้นวิธีการจัดงบประมาณฐานศูนย์ (zero-based budgeting)
14.สร้างระบบสวัสดิการดูแลประชาชนตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและภาระทางการคลังระยะยาว
15.แก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเร่งด่วน
16.นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา
17.ส่งเสริมเกษตรและปศุสัตว์ปลอดภัย ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มการเข้าถึงตลาด เทคโนโลยี และแหล่งน้ำ สร้างความเข้มแข็งของกลุ่มของเกษตรกรเพื่อวางแผนการผลิต และรักษาผลประโยชน์เกษตรกร ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ
18.แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค เยียวยา ฟื้นฟู และพัฒนาอาชีพประมงให้ยั่งยืน
19.ยกระดับสิทธิแรงงานทุกอาชีพให้มีสภาพการจ้างงานที่เป็นธรรม และได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมสอดคล้องกับค่าครองชีพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
20.ยกระดับระบบสาธารณสุข เพื่อทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ทั้งการส่งเสริม การป้องกัน การรักษาและการฟื้นฟูสุขภาพ
21.ปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
22.สร้างความร่วมมือและกลไกภายในและระหว่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์โดยเร็วที่สุด
23.ดำเนินการนโยบายการต่างประเทศ โดยการฟื้นฟูบทบาทผู้นำของไทยในอาเซียน และเวทีระหว่างประเทศตามกรอบความร่วมมือต่าง ๆ โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือพหุภาคี รวมถึงรักษาสมดุลการเมืองระหว่างประเทศของไทยกับประเทศมหาอำนาจ
และ “ทุกพรรคเห็นพ้องกันว่าจะร่วมกันบริหารประเทศด้วยแนวทางปฏิบัติ” ดังต่อไปนี้
1.ทุกพรรคจะคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประชาชนทุกคน
2.ทุกพรรคจะทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต หากมีบุคคลของพรรคใดมีพฤติกรรมทุจริต คอร์รัปชั่น ทุกพรรคจะยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้น ๆ ทันที
3.ทุกพรรคจะทำงานโดยให้เกียรติซึ่งกันและกัน จริงใจต่อกัน สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มากกว่าผลประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง
4.ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอำนาจฝ่ายบริหารของรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของแต่ละพรรคการเมือง
5.ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอำนาจนิติบัญญัติของผู้แทนราษฎรที่สังกัดแต่ละพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เอ็มโอยู ฉบับที่แกนนำทั้ง 8 พรรคลงนามร่วมกัน ได้แตกต่างจากร่างเอ็มโอยู ที่ถูกเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีการตัดประเด็นที่ว่าด้วย เพื่อสร้างความสมานฉันท์ในสังคม ทุกพรรคจะร่วมผลักดันการอำนวยความยุติธรรมในคดีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมืองผ่านกลไกรัฐสภา
ซึ่งก่อนการแถลงข่าว แกนนำทั้งหมดได้หารือกัน และแกนนำบางพรรคกังวลในเรื่อง การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง จากการใช้มาตรา 112 ถ้ากำหนดไว้แคบแบบนี้แสดงว่าพรรคก้าวไกลมีเจตนาแอบแฝงที่จะนิรโทษกรรมให้กับอดีตผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่ มากกว่าจะนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองอย่างแท้จริง จึงมีการตัดเรื่องดังกล่าวออก
นอกจากนี้ ยังมีการนำหลักการของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 1 มาตรา 2 และมาตรา 6 หมวดพระมหากษัตริย์ มากำกับภารกิจรัฐบาลใน MOU ก้าวไกลด้วย