เปิดขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ในวันที่ 13 ก.ค. 66 “พิธา” ต้องฝ่าด่านอะไรบ้าง ?
ขั้นตอนที่ 1 : การเสนอชื่อ
- ส.ส. ทั้ง 500 คน มีสิทธิเสนอชื่อได้คนละ 1 ชื่อ
- แคนดิเดตนายกฯ ที่จะถูกเสนอชื่อมาโหวต ต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองที่มี ส.ส. 25 คนขึ้นไป (ปัจจุบันมี 9 คน จาก 6 พรรคการเมือง)
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อ ต้องมี ส.ส. รับรองอย่างน้อย 50 คน จึงได้ไปต่อ
ขั้นตอนที่ 2 : อภิปราย-แสดงวิสัยทัศน์
- ประธานรัฐสภาเปิดให้สมาชิกรัฐสภาไห้อภิปรายซักถามเต็มที่
- ขอมติที่ประชุมให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์
ขั้นตอนที่ 3 : การลงคะแนน
- เวลา 17.00 น. เริ่มลงมติอย่างเปิดเผยด้วยการเรียกชื่อ ส.ส.-ส.ว. ตามลำดับอักษรและให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน
- ต้องได้เสียงโหวตอย่างน้อย 376 เสียงจากทั้งหมด 750 เสียง จึงจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
รัฐธรรมนูญ 2560 วางแนวทางการเสนอชื่อนายกฯ ไว้อย่างไร ?
ทั้งนี้ ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 บัญญัติว่าการให้ความเห็นชอบบุคคลใดที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะมาจากความชอบของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง สถาบันพระปกเกล้า ได้เรียบเรียงสาระสำคัญไว้ โดยมีวิธีการ ดังนี้
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
1.1 กรณีที่เสนอจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง ตามมาตรา 88
วิธีการ คือ พรรคการเมืองเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี จำนวนไม่เกิน 3 รายชื่อ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่าจะเลือกบุคคลใดในบัญชีรายชื่อที่เสนอมา แต่พรรคการเมืองที่จะเสนอรายชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นจะต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกที่ได้รับการเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นต้องกระทำการลงคะแนนโดยเปิดเผยตามมาตรา 159 วรรคสาม
1.2 กรณีเสนอรายชื่อเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้ที่ไม่มี่ชื่ออยู่ในบัญชีที่พรรคการเมืองแจ้งไว้
มาตรา 272 วรรคสอง กำหนดให้สมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ได้ และในกรณีเช่นนี้ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภา (รวมทั้งสองสภา คือ 750 คน) เพื่อให้ยกเว้นได้ ทั้งนี้เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรได้ทำการเสนอบุคคลนอกบัญชีรายชื่อนั้นได้นั่นเอง