เปิดเก๊ะกระทรวงเกรดเอ 3.35 ล้านล้าน เสิร์ฟรัฐบาลใหม่

รัฐบาลเพื่อไทย

รัฐบาลเฉพาะกิจ-รัฐบาลเพื่อไทย 12 พรรค 315 เสียง เหมือนจะมีเสถียรภาพ แต่เต็มไปด้วย “สนิมสร้อย” การต่อรองโควตา-เก้าอี้รัฐมนตรี คือ “ยกแรก”

9-10 สส.ต่อ 1 เก้าอี้ว่าการกระทรวงเป็นสูตรจัดสรร-แบ่งเค้กกระทรวงเศรษฐกิจ-การเมือง และความมั่นคงที่ “ผู้จัดการรัฐบาลเพื่อไทย” ต้องถูกแล่เนื้อเถือหนัง 3.35 ล้านล้านบาท

งบฯบูตเศรษฐกิจ 9.3 หมื่นล้าน

งบฯในมือของนายกฯ คนใหม่ที่คาดว่าจะมาจากเพื่อไทย ที่มีไว้บูตเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน-ฉุกเฉิน งบฯกลาง 601,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,275 ล้านบาท โดยเฉพาะเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 93,000 ล้านบาท ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

หัวใจสำคัญของรัฐบาลเพื่อไทย คือ “กระทรวงเศรษฐกิจ” ที่ไม่เคยให้ใคร เฉพาะกระทรวงการเงิน-การคลัง 313,822,005,900 บาท เพิ่มขึ้น 28,667,287,900 บาท

อีกกระทรวงที่ “งบฯน้อย” แต่พลานุภาพมหาศาล ยิ่ง “นายกฯเพื่อไทย” ที่คาดว่าจะชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” หมายมั่นปั้นมือที่จะนั่งควบ คือ กระทรวงการต่างประเทศ 7,555,917,700 บาท ลดลง 572,200 บาท

“กระทรวงเนื้อหอม” เป็น “เก้าอี้ในฝัน” ของนักเลือกตั้งหลายคน อย่างเกษตรและสหกรณ์ 117,142,945,200 บาท ลดลง 10,990,612,900 บาท อาทิ

สำนักงานปลัดฯ 1,191,207,100 บาท เพิ่มขึ้น 106,003,700 บาท กรมการข้าว 4,508,372,100 บาท ลดลง 15,101,602,900 บาท กรมชลประทาน 80,410,530,800 บาท เพิ่มขึ้น 2,916,047,900 บาท

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 1,251,999,000 บาท เพิ่มขึ้น 29,432,900 บาท กรมประมง จำนวน 3,603,696,100 บาท เพิ่มขึ้น 115,800,700 บาท กรมปศุสัตว์ 5,317,521,400 บาท เพิ่มขึ้น 99,503,600 บาท

กรมพัฒนาที่ดิน 4,345,418,000 บาท เพิ่มขึ้น 404,551,900 บาท กรมวิชาการเกษตร 3,092,056,700 บาท เพิ่มขึ้น 31,909,100 บาท

กรมส่งเสริมการเกษตร 5,015,162,400 บาท เพิ่มขึ้น 49,267,600 บาท กรมส่งเสริมสหกรณ์ 2,581,808,900 บาท ลดลง 3,080,500 บาท สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 1,484,343,600 บาท เพิ่มขึ้น 90,673,100 บาท สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ 251,108,600 บาท เพิ่มขึ้น 25,152,100 บาท

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 636,737,000 บาท เพิ่มขึ้น 38,148,300 บาท สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) 505,365,300 บาท เพิ่มขึ้น 51,712,900 บาท

รวมถึง “กระทรวงคู่แฝด” อย่างกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องมีไว้ “เป็นของคู่กัน” เพื่อไปเจรจาการค้าการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับงบประมาณ 6,680,922,600 บาท เพิ่มขึ้น 237,636,600 บาท

กระทรวงเนื้อหอม-เกรดเอบวก

กระทรวงพลังงาน-กระทรวงขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 3,026,668,400 บาท เพิ่มขึ้น 326,670,200 บาท แบ่งออกเป็น สำนักงานปลัดฯ 561,731,800 บาท เพิ่มขึ้น 61,868,800 บาท กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ 261,351,400 บาท

กรมธุรกิจพลังงาน 243,340,700 บาท เพิ่ม 6,300,000 บาท กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน 1,780,957,880 บาท เพิ่ม 218,296,600 บาท สำนักงานโยบายและแผนพลังงาน 179,286,700 บาท เพิ่ม 40,204,800 บาท

“กระทรวงเกรดเอบวก” ที่ต้องสนองรัฐบาลเพื่อไทย-นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน คือ กระทรวงแรงงาน 61,841,060,800 บาท เพิ่มขึ้น 7,515,201,200 บาท แบ่งออกเป็น

สำนักงานปลัดฯ 1,272,638,800 บาท เพิ่มขึ้น 257,245,100 บาท กรมการจัดหางาน 1,145,747,000 บาท เพิ่ม 23,256,100 บาท กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 1,704,365,000 บาท เพิ่มขึ้น 19,800,000 บาท

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 1,054,429,200 บาท เพิ่มขึ้น 25,574,400 บาท สำนักงานประกันสังคม 56,618,757,600 บาท เพิ่มขึ้น 7,186,605,600 บาท

สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) 45,123,200 บาท เพิ่มขึ้น 2,720,000 บาท

กระทรวงที่พรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่เพียบ-พร้อมที่สุด และมีนโยบายที่เคยเลื่องชื่อ คือ กระทรวงศึกษาธิการ 330,512,297,300 บาท เพิ่มขึ้น 3,137,574,800 บาท แบ่งออกเป็น

สำนักงานปลัดฯ 48,431,995,500 บาท ลดลง 219,143,200 บาท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 254,297,363,000 บาท เพิ่มขึ้น 2,193,571,400 บาท

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 24,851,479,800 บาท เพิ่มขึ้น 1,127,271,300 บาท สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 167,950,300 บาท ลดลง 100,900 บาท

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1,663,483,300 บาท ลดลง 30,018,800 บาท

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา 126,618,400 บาท เพิ่มขึ้น 2,764,900 บาท สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา 166,264,200 บาท เพิ่มขึ้น 13,543,100 บาท

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 8,639,910,900 บาท เพิ่มขึ้น 1,853,697,400 บาท เป็นอีก 1 กระทรวงที่พรรคเพื่อไทย “ต้องมี” เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “บล็อกเชน”

เพื่อไทย – ภท.ชิงคมนาคม

โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม ที่พรรคเพื่อไทยต้องแย่งกับพรรคภูมิใจไทย มีเม็ดเงินถึง 183,950,035,100 บาท เพิ่มขึ้น 3,637,114,700 บาท แบ่งออกเป็น

สำนักงานปลัดฯ 677,729,400 บาท เพิ่มขึ้น 163,225,700 บาท กรมการขนส่งทางบก 3,587,233,600 บาท เพิ่มขึ้น 41,422,100 บาท กรมการขนส่งทางราง 167,296,000 บาท เพิ่มขึ้น 50,957,500 บาท

กรมเจ้าท่า 4,773,058,000 บาท เพิ่มขึ้น 65,658,000 บาท กรมทางหลวง จำนวน 120,961,716,500 บาท เพิ่มขึ้น 2,145,090,100 บาท กรมทางหลวงชนบท 47,928,219,300 บาท เพิ่ม 819,304,700 บาท

กรมท่าอากาศยาน 5,162,851,300 บาท ลด 58,350,200 บาท สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร 282,003,200 บาท ลดลง 121,000 บาท สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) 409,927,800 บาท

“กระทรวงหนี้หมื่นล้าน” อย่างกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มี “เจ้ากระทรวงหน้าเดิม” ชื่อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ยังต้องมา “ปิดจ็อบ” เหมืองทองอัคราให้สะเด็ดน้ำ มีวงเงิน 4,645,046,200 บาท เพิ่มขึ้น 173,137,800 บาท

กระทรวงกึ่งความมั่นคง-กึ่งการเมืองที่มีพลานุภาพในการขับเคลื่อนข้าราชการทุกภูมิภาคอย่าง “พ่อเมือง 77 จังหวัด” คือ กระทรวงมหาดไทย 351,985,253,000 บาท เพิ่มขึ้น 26,739,393,900 บาท

พรรคเพื่อไทยไม่ยอมให้ใครเด็ดขาด เพราะจะเป็นจุดชี้ขาดในการเลือกตั้งครั้งหน้า แบ่งออกเป็น สำนักงานปลัดฯ 6,190,146,900 บาท เพิ่มขึ้น 9,816,500 บาท กรมการปกครอง 49,739,981,300 บาท เพิ่มขึ้น 6,378,731,900 บาท

กรมการพัฒนาชุมชน 5,361,449,600 บาท เพิ่มขึ้น 369,737,100 บาท กรมที่ดิน 7,210,632,400 บาท เพิ่มขึ้น 612,815,900 บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 5,631,073,700 บาท เพิ่มขึ้น 976,238,900 บาท

กรมโยธาธิการและผังเมือง 38,367,479,100 บาท เพิ่มขึ้น 3,530,870,000 บาท

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 239,484,490,000 บาท เพิ่มขึ้น 14,861,183,600 บาท

วัดใจคุมกองทัพ 2 แสนล้าน

พรรคเพื่อไทย มีบทเรียนราคาแพงสูงลิ่วจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะกุมบังเหียน รมว.กลาโหม แต่ต้องเพลี่ยงพล้ำ ถูกรัฐประหารปี 2557 จึงต้องขบคิดหลายตลบ

กระทรวงความมั่นคง กระทรวงกลาโหม 198,562,911,100 บาท เพิ่มขึ้น 4,064,182,900 บาท แบ่งออกเป็น สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 9,343,940,900 บาท เพิ่มขึ้น 113,651,700 บาท

กองทัพบก 96,084,228,500 บาท เพิ่มขึ้น 1,582,893,800 บาท กองทัพเรือ 41,196,742,300 บาท เพิ่มขึ้น 1,129,779,300 บาท กองทัพอากาศ 36,366,936,000 บาท เพิ่มขึ้น 653,142,400 บาท

กองบัญชาการกองทัพไทย 14,773,696,900 บาท เพิ่มขึ้น 288,950,700 บาท สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ 797,366,500 บาท เพิ่มขึ้น 295,765,000 บาท และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 118,113,660,000 บาท เพิ่มขึ้น 3,032,255,900 บาท

พรรคเพื่อไทยจะ “เสียรังวัด” แบก-หาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มานั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีคุมความมั่นคง ควบ รมว.กลาโหมหรือไม่ยังต้องวัดใจ

ส่วนกระทรวงยุติธรรมที่กลายเป็น “กระทรวงเกรดเอพลัส” เป็นกระทรวงความสะดวกเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับถึงบ้าน

โดยมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ไปคอยต้อนรับ มีงบประมาณ 26,048,039,600 บาท เพิ่มขึ้น 1,444,941,600 บาท

โดย “กรมคุก” ได้รับการจัดสรร 15,112,733,900 บาท เพิ่มขึ้น 1,094,136,300 บาท