บิ๊กป๊อด หัวพลังประชารัฐ เซตทีมใหม่ ปิดท่อ สส.ไหลออก

พัขรวาท
คอลัมน์ : Politics policy people forum

40 ที่นั่ง คือตัวเลข สส.สายป่า ตัวเป็น ๆ ฝ่ากระแส “เบื่อลุง” จนสามารถสอดแทรกเข้าร่วมในรัฐบาลเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ จบอันดับ 4 ในการเลือกตั้ง 66 ไม่มีอีเวนต์-แต่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในที่ลับ

1 เก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี 2 เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ 1 รัฐมนตรีช่วย ในรัฐบาลเศรษฐา 1 คือ “ดอกผล” จากสโลแกน “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”

“บ้านป่ารอยต่อ” ที่เคยหัวกระไดไม่แห้งกลับเงียบเหงา ไม่คึกคักเหมือนที่ผ่านมา ที่มีหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่-นักการเมืองเอสเอ็มอีใช้เป็นพื้นที่ “พึ่งบารมี”

พล.อ.ประวิตรตั้งตารอ-นับวัน “รีไทร์” ออกจากวงโคจรอำนาจ ไปพร้อม ๆ กับ “เพื่อนร่วมก๊วน” ในวุฒิสภาที่จะครบวาระในเดือนพฤษภาคม 2567 เตรียมตัว “เกษียณ” พักผ่อน “บ้านย่านมีนบุรี” แต่ยังประคับประคองพรรคพลังประชารัฐอยู่ห่าง ๆ

เหตุผลหลักที่ พล.อ.ประวิตรยังต้อง “ยืนปัก” เป็น “เสาหลัก” อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะหาก “ปล่อยมือ” 40 สส.ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงล้วน ๆ ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่ทำไว้ในช่วงบั้นปลายทางการเมืองจะสูญเปล่า

ก่อนหน้านี้มีแกนนำพลังประชารัฐหลายคนที่ “โบกมือลา” ไล่ตั้งแต่ “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตเหรัญญิกพรรค ที่ไปมีตำแหน่งแห่งที่ในรัฐบาลเศรษฐาถึง “ผู้แทนการค้าไทย”

บิ๊กน้อย-พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตกุนซือ-เพื่อนรักของ พล.อ.ประวิตร ที่ลาออกไปทำงานด้านกีฬาตามที่ตัวเองถนัด แต่ก็ “ทิ้งระเบิด” สั่งลา ตัดพ้อว่า ไม่อยากขวางหูขวางตาใคร

และที่ออกห่างไปทันทีหลังการเลือกตั้ง เช่น นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ-อันวาร์ สาและ ขุนพลภาคใต้ พ่ายแพ้ “สงครามครั้งสุดท้าย” ในสมรภูมิปักษ์ใต้หลุดลุ่ย

โดยเฉพาะคีย์แมนพลังประชารัฐหลายคนที่เป็น “กำลังหลัก” และสามารถ “ต่อสาย” กับพรรคเพื่อไทยได้ก็จะ “คืนรัง” จึงไม่ต่างกับ “พรรคแตก” ทั้ง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคและสมัครพรรคพวก

ระหว่างนี้จึงเริ่มเห็น พล.อ.ประวิตร ผ่องถ่ายอำนาจให้กับน้องชาย-บิ๊กป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค ก่อนถึงศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

พล.ต.อ.พัชรวาท เริ่มสะสมบารมี “ชิมลาง” ในฝ่ายบริหารในรัฐบาลเศรษฐา 1 “รับไม้ต่อ” เก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี-รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อจาก พล.อ.ประวิตร

บทบาทของ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ลงมือบริหารอำนาจในพรรคตั้งแต่การรวบรวมจำนวนมือทั้งพรรคพลังประชารัฐ และ สว.ในคอนโทรล โหวตให้กับ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30

การ “ฟอร์มทีมใหม่” โดยทาบทามอดีตนายตำรวจ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 มาเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ

“ตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร” ที่ยัง “ขาลอย” อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ มาวนเวียนอยู่ในงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ภูเก็ต ที่มี พล.ต.อ.พัชรวาท นั่งหัวโต๊ะ-กุมบังเหียน 40 สส.เป็นครั้งแรก

“ตั๊น จิตภัสร์” มีพันธกิจกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในหลายวาระ และปัจจุบันยังนั่งเป็น “ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการตำรวจ” สภาผู้แทนราษฎร

ส่วน “มือเศรษฐกิจ” ที่อยู่เบื้องหลังพรรคพลังประชารัฐ อย่าง “คณิศ แสงสุพรรณ” มือปั้นเมกะโปรเจ็กต์อีอีซี ก็ถูก พล.ต.อ.พัชรวาท ดึงมาช่วยงานอย่างลับ ๆ โดยไม่มีตำแหน่งในทำเนียบรัฐบาล

ขณะที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” มือกฎหมายบ้านป่ารอยต่อ มีบทบาททุกวงอำนาจในพรรคพลังประชารัฐก็ถูกส่งมาเป็นตัวแทนผู้มีส่วนได้-ส่วนเสียในการออกแบบโครงสร้างอำนาจใหม่ใน 35 อรหันต์ คณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ

ตัวยืนยงคงกระพันกับพรรคพลังประชารัฐ คืออดีตกลุ่ม 4 กุมาร นำโดย นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตกลุ่ม กปปส. ที่มี เสี่ยจั๊ม-สกลธี ภัททิยกุล เป็นตัวชูโรง

คู่ขนานไปกับการส่ง “สส.สอบตก” เข้าไปมีตำแหน่งเป็น “ข้าราชการการเมือง” ในกระทรวงโควตาของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งครั้งหน้า เช่น “รองโฆษกผึ้ง” เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

พล.ต.ท.อภิรัต นิยมการ อดีตผู้บัญชาการศึกษา เป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์ อดีตผู้สมัคร สส.อุดรธานี เขต 1 เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ

นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.ส.ธนาพร จีนจะโปะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลูกน้องและผู้ติดตามใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส

ขณะเดียวกัน สส.พรรคพลังประชารัฐ บางกลุ่มที่พยายามต่อสายถึงพรรคเพื่อไทย เพืืิ่อขอคืนรัง

การเซตทีมใหม่ โดย “พล.ต.อ.พัชรวาท” อาจกล่าวได้ว่าเป็นการ “ปิดท่อ” ไม่ให้ สส.ไหลออก