เศรษฐา ฉาย 8 วิสัยทัศน์ประเทศไทย ตั้งเป้าเบอร์ 1 อาเซียน

เศรษฐา ทวีสิน
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

เศรษฐาฉายภาพ 8 วิสัยทัศน์ประเทศไทย ตั้งเป้าเบอร์ 1 อาเซียน ดันไทยฮับท่องเที่ยว สุขภาพ คมนาคม โลจิสติกส์ การเงิน ประกาศ 1 มีนาคม แถลงความชัดเจน อัพเกรดฮับการบิน 

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก โดยมีคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชนร่วมในงานจำนวนมาก

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความขัดแย้ง ปัญหาการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บดบังศักยภาพ บดบังแสงสว่างของประเทศไทย ตั้งแต่ 6 เดือนที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ ความสงบ ความสมัครสมานสามัคคี ความร่วมใจกันของพวกเรา เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการที่เราจะเริ่มต้นให้ชาวโลกรู้ว่าแสงสว่างในประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค ด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทย ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ภูมิอากาศที่อบอุ่นตลอดปี โครงสร้างที่พร้อมต่อยอด และที่สำคัญคือศักยภาพของคนไทย

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

ศูนย์กลางการท่องเที่ยว

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 1 อยากชวนให้ทุกท่านมาปลุกพลัง ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว เราต้องการ ‘การใส่ใจ’ ไม่ใช่แค่เพียง ’ใส่เงินงบประมาณ’ ลงไปอย่างเดียว ดังนั้น เราจึงมี 4 มาตรการ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว

คือ 1.การท่องเที่ยวในประเทศไทยต้องได้รับการส่งเสริมต่อยอดทุกรูปแบบ ทุกจังหวัด ทั้งเมืองหลักและเมืองรองต้องเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งบางจังหวัดสามารถผลักดันให้เป็นมรดกโลกได้ เช่น จ.น่าน โดยเราจะเฟ้นหา Soft Power เพื่อหาเสน่ห์ของประเทศไทย ทั้งศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต อาหารไทย และกีฬา อย่างเช่นมวยไทย ของที่ระลึกไม่ว่าจะเป็นกางเกงมวยไทย มงคล ที่รัดแขน ทุกอย่างสร้างเงินได้

2.ประเทศไทยจะไม่หลับใหล เราจะมีงานเทศกาล งานคอนเสิร์ต งานศิลปะ งานแสดงสินค้าในประเทศไทยตลอดทั้งปี โดยเราต้องเชิญชวนเทศกาล ศิลปินให้มาจัดที่ไทยให้ได้ เพราะเราสามารถต่อยอดให้เขาเข้าใช้จ่าย และท่องเที่ยวต่อในจังหวัดต่าง ๆ ต่อไปได้ด้วย

3.เราจะผลักดันการท่องเที่ยวเป็นภูมิภาค (CLMV) เปิดวีซ่าเพิ่ม เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยว ให้เขาแวะมาไทยก่อนบินไปลาว ไปมาเลเซีย ไปกัมพูชาต่อได้ โดยรัฐบาลได้ Free Visa ให้นักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน เพื่อเป็นการเปิดประตูสู่นักท่องเที่ยว 2,900 ล้านคนแล้วด้วย

4.ประเทศเราเป็นประเทศอินเตอร์ เราจำเป็นต้องแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ การอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สนามบอล เปิดให้ดื่มฉลองได้ และต้องแก้ไขภาษี เพื่อจัดงาน หรือการแข่งขันต่าง ๆ

“เราพร้อมแล้วที่จะทำให้ประเทศไทยทั้งประเทศเป็น Homestay ของคนทั่วโลก รัฐบาลจะสนับสนุนศักยภาพของทุกจังหวัดให้มีลูกค้าเข้ามาเที่ยว มากิน มาใช้ ตลอดทั้งปี เอาเงินมาส่งถึงมือทุกคน”

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

ศูนย์กลาง Medical Hub

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 2 ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพ (Medical Hub) เพราะระบบพยาบาลของประเทศไทยเราเป็นจุดขายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนประเทศไทยได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปี’66 การท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์และสุขภาพสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาท

ไทยจึงมี 3 เหตุผลหลักที่ทำให้ประเทศเป็นเลิศทางการแพทย์สำหรับคนทั่วโลก

  1. โรงพยาบาลที่ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติ โรงพยาบาลเอกชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

2. บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมอ และพยาบาลล้วนมีฝีมือเยี่ยม ประกอบกับไมตรีจิตของคนไทย สร้างความสบายกาย สบายใจให้กับผู้รับการรักษา

3. ราคาเราสมเหตุสมผล ประเทศไทยค่ารักษาถือว่า “ถูก” เมื่อเทียบกับการไปหาหมอในหลายประเทศ เราสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ โดยช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์ โดยประสานให้โรงพยาบาลไทยรับประกันของต่างชาติได้ ทั้งประกันสังคม และประกันอื่น ๆ ที่จะทำให้เรามีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น

ทำให้ต่างชาติเข้ามาในไทยแล้วเบิกประกันได้ รัฐบาลเองก็จะทำ Roadshow เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามารักษา นอกจากการแพทย์ ประเทศไทยก็มีชื่อเสียงด้านการดูแลสุขภาพ สปาไทย นวดแผนไทย แพทย์แผนไทยก็ขึ้นชื่อในระดับ World Class ใน Los Angeles & San Francisco มีสมาคมนวดไทย ซึ่งมีรายได้สูงมาก เราจะผลักดันสปาไทย การแพทย์แผนไทย นวดแผนไทย สมุนไพร ให้เป็นสินค้าส่งออกไปทั่วโลกด้วยมาตรการต่าง ๆ

นอกจากมาตรการที่จะสร้างรายได้แล้ว คนไทยก็ต้องมีระบบรักษาพยาบาลที่ดี ประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ทั่วถึงและสมศักดิ์ศรีครับ ด้วย 30 บาทรักษาทุกที่ จาก 30 บาทรักษาทุกโรคที่ทั่วโลกรู้จัก และหลายประเทศใช้เป็นต้นแบบ เราได้เริ่มทำ 30 บาทรักษาทุกที่ นำร่องไปแล้ว 4 อีกไม่นานเพิ่มเป็น 12 และจะครบทุกจังหวัดในสิ้นปี

เราจะใช้ระบบ AI เชื่อมฐานข้อมูล อัพเกรดระบบการแพทย์ให้คนไทยที่ไปหาหมอต่อจากนี้ คนไข้อาจจะไม่รู้จักหมอ แต่หมอจะรู้จักคนไข้ จากข้อมูลการใช้บริการทางการแพทย์ตลอดชีวิต จากนี้พี่น้องจะไม่ต้องบอกประวัติใหม่ทุก ๆ ครั้งที่เจอ

เราจะเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน พร้อมดูแลความเป็นอยู่ของแพทย์ พยาบาล ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แบ่งเบาภาระ ที่สำคัญป้องกันปัญหาสมองไหล ด้วยมาตรการทั้งหมดจะทำให้ไทยเป็น Medical Hub ของ Southeast Asia มีระบบพยาบาลชั้นเลิศสำหรับคนไทย ไม่ให้คนไทยมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงการรักษาพยาบาล และกลายเป็นจุดขายที่นำเงินเข้าประเทศไปพร้อมกัน

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

ศูนย์กลางอาหาร

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 3 รัฐบาลจะยกระดับการผลิตอุตสาหกรรมการเกษตร ทำให้ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในกระเป๋าต้องมีเงิน ดูแลความมั่นคงทางอาหารของโลก พร้อมเป็นครัวของโลกที่สามารถปรุงอาหารทุกประเภทส่งออกไปยังตลาดโลก ด้วยเพราะประเทศไทยมีจุดแข็งทางด้านภูมิศาสตร์ สภาพภูมิอากาศ มีอุตสาหกรรมที่ครบวงจร ตั้งแต่การปลูกพืช การเลี้ยงปศุสัตว์ การประมง การแปรรูป การปรุงอาหาร สูตรอาหาร

จึงทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในเรื่องรสชาติที่มีความโดดเด่น อร่อยติดอันดับโลก มีร้านอาหารที่ได้รับตรามิชลินกว่า 196 ร้าน และมีร้านที่ได้รับดาวมิชลินกว่า 35 ร้าน ซึ่งรัฐบาลจะเข้ามายกระดับเกษตรกรรม ส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้มากขึ้น 3 เท่าใน 4 ปีของรัฐบาลนี้ ดูแลทั้งดิน น้ำ พันธุ์พืช  พันธุ์สัตว์ พันธุ์ปลา ให้อุดมสมบูรณ์

และแหล่งชลประทานจะต้องขยายให้ครอบคลุม 40 ล้านไร่ ดูแลการเพาะปลูก Precision Agriculture การเลี้ยงสัตว์ และดูแลปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ไปพร้อม ๆ กัน สนับสนุนสินค้าเกษตรทั้งประเทศไปสู่ตลาดโลก ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นปัจจัยทางด้านอาหารของโลก และข้อมูลจากสำนักงานด้านประชากรขององค์การสหประชาชาติ ยังได้คาดการณ์ว่าในปี 2593 ทั่วโลกจะมีจำนวนประชากรทั้งหมดเกือบ 10,000 ล้านคน

ซึ่งมากกว่าในปัจจุบันเกือบ 2,000 ล้านคน เมื่อมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นก็ย่อมต้องการอาหารมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งไทยสามารถผลิตอาหารได้ตั้งแต่ต้นน้ำในภาคเกษตรกรรม จนไปถึงการแปรรูปส่งออกไปยังตลาดโลกได้ โดยรัฐบาลจะพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต การวิจัยพัฒนาอาหารโปรตีนสูงจากพืช ตลอดจนการพัฒนาอาหารที่แปลกใหม่

ซึ่งคาดว่าจะเป็นกระแสของตลาดโลกในอนาคต นอกจากนี้ รัฐบาลจะยกระดับคุณภาพอาหาร ทั้งอาหาร Halal อาหารสำหรับผู้ป่วย และอาหารชนิดพิเศษอื่น ๆ ตลอดจนรัฐบาลจะสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ไปเปิดร้านอาหารในต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ไทยกลายเป็นปัจจัย 4 ของโลกในด้านอาหาร

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

Hub การบิน

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 4 ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกให้เชื่อมถึงกัน ด้วยจุดแข็งทางภูมิศาสตร์รายล้อมไปด้วยประชากรกว่า 280 ล้านคน ติดอันดับ 5 ของประชากรโลก และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว ทำงาน ในทุกระดับ ทุกราคาที่เลือกได้ รัฐบาลมีแผนจะพัฒนาสนามบินให้รองรับการ Transit ของสายการบิน และเตรียมปรับเปลี่ยนเส้นทาง ตารางบินให้เหมาะสม เพื่อเพิ่ม Transit Capacity ให้สูงขึ้น

เนื่องจากประเทศไทยมีระยะทางไปยังศูนย์กลางทางเศรษฐกิจได้ทั่วโลกใกล้กว่าประเทศเพื่อนบ้าน มีสนามบิน ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง ที่พร้อมเป็น Home-Base และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเรื่องรันเวย์ อาคารผู้โดยการ คลังสินค้า สร้างระบบขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) เพิ่มทรัพยากรบุคคล การตรวจความปลอดภัย

เสริมคุณภาพการบริการทุกระดับ เพื่อเตรียมพร้อมจะเป็น Homeland ของสายการบินทั้งไทยและสายการบินนานาชาติ เพียบพร้อมไปด้วยศูนย์ดูแลรักษา ซ่อมบำรุงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จะทำให้ภาคบริการ ภาคการขนส่ง โรงแรม การท่องเที่ยว อาหาร สินค้าเกษตร เติบโตไปยังตลาดโลก

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

แลนด์บริดจ์ลงทุนใหญ่ รอบ 20 ปี

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 5 ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) รัฐบาลจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มศักยภาพระบบคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ โดยรัฐบาลมีแผนจะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ กระจายความเจริญจากเมืองใหญ่สู่เมืองเล็ก ตั้งแต่การปรับปรุงสนามบินทั้งระบบ

ขยายถนน ทั้งถนนหลัก ถนนรอง ซึ่งภายในปี 2593 จะต้องขยายทางหลวง Motorway 10 เท่า จากปัจจุบัน 250 กิโลเมตร ให้เป็นเกือบ 2,500 กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดิน 4 เลน จาก 20,000 กิโลเมตร ให้เป็น 23,000 กิโลเมตร เชื่อมต่อตั้งแต่ชายแดนภาคเหนือที่ติดกับเมียนมา สปป.ลาว เชื่อมต่อไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย

ส่วนระบบราง จะพัฒนารถไฟรางคู่เพิ่มระยะทางอีก 2,000 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ระบบรางระหว่างเมืองมีระยะทางรวม 5,500 กิโลเมตร ภายในปี 2573 ในส่วนของระบบรถไฟฟ้าทั้งกรุงเทพฯ และภูมิภาคจะมีระยะทางเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ครอบคลุมเส้นทางเกือบ 700 กิโลเมตร

มีรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสู่ 3 สนามบินและจะเชื่อมไปยังชายแดนหนองคายพร้อมทั้งเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบัง สำหรับส่งสินค้าจากอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมอาหาร เปิดตัวเป็นศูนย์กลางคมนาคมของอาเซียน เชื่อมจีน  ยุโรป

และเป็นศูนย์กลางขนส่งผ่าน Land Bridge เชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรอันดามัน อ่าวไทย สร้างความสมดุลสู่ความมั่งคั่ง เป็นตัวกลางการค้าระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก ซึ่งการลงทุน Mega project ในครั้งนี้ จะเป็นการลงทุนใหญ่ในรอบ 20 ปี

นอกจากโครงสร้างพื้นฐาน เราจะต้องปรับปรุงกระบวนการทำงานทั้งหมด (One Stop Service) ไม่ให้ระบบราชการ ระบบเอกสาร เป็นคอขวดของการขนส่งทั้งคน ทั้งสินค้า เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของประเทศโดยเด็ดขาด บริษัทชั้นนำระดับโลกมาตั้งฐานการลงทุนในประเทศไทย และสร้างอาชีพ สร้างโอกาส สร้างรายได้

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

เตรียมดึง 2 ค่ายรถยุโรปลงทุนไทย

นายเศรษฐา ฉายวิสัยทัศน์ที่ 6 ว่า ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) รัฐบาลตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต มีเป้าหมายจะได้แผนการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท ได้หารือพูดคุยกับบริษัทยานยนต์ไปมากกว่า 10 ราย และมีการตอบรับจะลงทุนในประเทศไทยแล้วมากกว่า 150,000 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจของเราเติบโตแบบก้าวกระโดด

เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่เลือกไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 ในวันนี้ที่อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รถ EV ประเทศไทยเราก็มีผลตอบรับที่ดี เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมในทุก Supply Chain มีผู้ผลิตชิ้นส่วน วิศวกร และ Programmer ที่มีศักยภาพ

รัฐบาลจึงมีแผนจะส่งเสริมอุตสาหกรรมรถ EV ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การค้นคว้าวิจัย การผลิตชิ้นส่วน ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ อะไหล่ การประกอบ การบำรุงรักษา ทำให้เกิดเป็น Ecosystem ที่สมบูรณ์ในประเทศ พร้อมทั้งจะให้การสนับสนุนค่ายรถจากญี่ปุ่นที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจไทย ให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตได้ นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างเช่น เครื่องยนต์ Hydrogen เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต

นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ตนจะเดินทางไปยุโรปช่วงต้นเดือนมีนาคม จีบเครือ โฟล์คสวาเกน และเครือ สเตลแลนทิส มาลงทุนในประเทศไทยด้วย

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

ปั้นเจ้าสัวน้อย เทคสตาร์ตอัพ

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 7 ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) รัฐบาลตั้งเป้าดึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคต Digital for all Technology Innovation AI ให้มาขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยี High Tech ต่าง ๆ ทั้งการลงทุนโรงงานผลิต Semiconductor,

การตั้งศูนย์ Data Center รองรับ Cloud Computing, การวิจัยและนำ AI มาใช้งานในประเทศไทย รวมถึงดึงบริษัท Deep Tech ให้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ผ่านโมเดล Sandbox ซึ่งรัฐบาลจะมีเงินสนับสนุนบริษัทที่ต้องการผ่านกองทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และจะทำ Matching Fund เติมทุนให้กับบริษัทที่มีศักยภาพด้วย

และในขณะเดียวก็เตรียมปรับกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการตั้งบริษัท การทำงาน การรับ-จ่ายเงินเดือน การถือครองทรัพย์สินต่าง ๆ เพื่อดึงคนที่มีความสามารถเข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนให้บริษัทสามารถประกอบธุรกิจข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้จุดแข็งทางด้านการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งจะทำให้คนรุ่นใหม่ที่อยากจะร่วมงานกับบริษัทชั้นนำในระดับโลก ไม่ต้องย้ายไปอยู่ในต่างประเทศ และจะเป็นโอกาสให้คนไทยที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ Start Up สามารถสร้าง Unicorn ของตนเองต่อไป

ดันศูนย์กลางการเงิน ปลดล็อก Digital Asset

และวิสัยทัศน์ที่ 8 ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) รัฐบาลตั้งเป้าจะเปลี่ยนให้ไทยเป็น Financial Center of Southeast Asia ขับเคลื่อนโดยระบบการเงินที่แข็งแกร่ง ดึงสถาบันการเงินระดับโลกเข้ามาลงทุน สร้างย่านการเงิน Wall Street ของอาเซียนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และพัฒนา Infrastructure รองรับระบบการเงินแห่งอนาคตขับเคลื่อนด้วย Blockchain ที่ไร้ตัวกลาง

และเตรียมปลดล็อก Digital Asset ต่าง ๆ ให้สามารถแปลงเป็นผลผลิตในโลกแห่งความเป็นจริง รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างสินทรัพย์ในโลกปัจจุบันให้มาอยู่บนโลกดิจิทัลได้อีกด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลจะเริ่มพัฒนาระบบการเงินเพื่อความยั่งยืน Carbon Credit Trading ซึ่งในอนาคตจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลจำเป็นต้องมีหน่วยงาน กฎระเบียบ รองรับการก้าวไปสู่ยุคการเงินสมัยใหม่เช่นกัน

นายเศรษฐากล่าวว่า การจะทำทุกอย่างให้สำเร็จได้นั้น มีเป้าหมายอย่างเดียวคงไม่พอ การเป็นศูนย์กลางต่าง ๆ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกคน เป้าหมายความเจริญทางเศรษฐกิจ จะต้องมาพร้อมกับการพัฒนาทางสังคมด้วยกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของภาครัฐ (Transparency) โครงสร้างพื้นที่ฐานที่จับต้องได้ และทางสังคมจะต้องมีการปรับปรุงด้วย

และรัฐบาลจะอัพเกรดระบบงานของรัฐทั้งหมดขึ้นระบบ Cloud เพื่อให้บริการประชาชนได้เร็วยิ่งขึ้น และจะทำระบบ Application SDK มาตรฐานของรัฐ เปิดให้ทั้งภาคประชาชนและเอกชนเข้าใช้งานได้ Digital Wallet เองก็จะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของรัฐนี้ ซึ่งอาจจะได้เห็น Start Up ใหม่ ๆ เกิดขึ้นจากการใช้บริการจากภาครัฐ

และรัฐบาลจะให้ความสำคัญในเรื่องของความเท่าเทียมกัน (Equality) ทั้งเพศสภาพ การประกอบอาชีพ การรักษาพยาบาล รองรับทั้งผู้สูงวัย ผู้พิการ หญิงตั้งครรภ์ และเด็ก วัฒนธรรมที่เปิดกว้าง (Soft Power) พร้อมต่อยอด เปลี่ยนไปตามยุคสมัยได้ โดยไม่ละเลยอัตลักษณ์และตัวตน จนสามารถสร้างรายได้ให้ตนเอง

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

โอกาสทางการศึกษา (Education) ที่จะต้องได้รับการพัฒนา โดยรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน เปิดช่องทางการเรียนรู้ใหม่ ๆ สร้างกลไกที่เอื้อให้เอกชนมีส่วนร่วมตั้งแต่การพัฒนา Content การทำ Play-based learning  พร้อมทั้งผลักดันเด็กไทยอ่านภาษาอังกฤษ ต่อยอดภาษาต่างประเทศได้ด้วย ไปจนถึงประเทศ ความปลอดภัย (Safe & Security) สังคมต้องปราศจากอาชญากรรมและยาเสพติดทุกรูปแบบ ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย และ พลังงานสะอาด (Green Society) ประชาชนและภาคธุรกิจจะต้องเข้าถึงพลังงานสะอาดและราคาถูก

“หวังว่าวันนี้พี่น้องประชาชนจะได้เห็นอนาคตที่ดี เราทุกคนจะร่วมกันในวันนี้ส่งต่ออนาคตที่กว่าให้แก่ลูกหลานเราทุกคน” นายกฯ กล่าว

นายเศรษฐากล่าวทิ้งท้ายว่า และในวันที่ 1 มีนาคม 2567 ตนและนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงเรื่อง Aviation upgrade โดยนำเสนอเรื่องนี้เป็นรายละเอียดทุกขั้นตอนว่าจะทำอะไรกันบ้าง