กกต.แจงคลิป “ทักษิณ” ยังแค่ติดตามข้อมูล เตือนพลังดูดต้องไม่เสนอประโยชน์

แฟ้มภาพ

กกต.แจงปมตรวจสอบคลิป “ทักษิณ” ยังอยู่แค่ติดตามข้อมูล ต้องดูข้อเท็จจริงเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่ เตือนกลุ่มสามมิตรต้องไม่เสนอประโยชน์แลกดูดสมาชิกเข้าพรรค

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 19 กรกฎาคม ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคลิปวิดีโอของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า เข้าข่ายชี้นำ ครอบงำจนอาจเป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยถูกยุบหรือไม่ ว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่าพูดกับใคร กับกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพราะจะเป็นความผิดได้ก็ต่อเมื่อพรรคให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ชี้นำ ครอบงำ แต่คำพูดของนายทักษิณจะเป็นการชี้นำหรือไม่ต้องตรวจสอบก่อน ในชั้นนี้จึงอยู่ในระหว่างการติดตาม ยังไม่มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง อีกทั้งพรรคการเมืองก็ยังประชุมไม่ได้ จึงต้องดูข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน แต่ถ้าใครมีหลักฐานหรือเบาะแส สามารถส่งมาที่ กกต. หากพยานหลักฐานนั้น นำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี ผู้ที่เอาหลักฐานมาให้จะได้รางวัลในการชี้ช่องเบาะแส แต่ชั้นนี้ ยังเป็นเพียงการกล่าวหาลอยๆ ซึ่งตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 101 การกล่าวหาด้วยความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หากเป็นการกระทำของพรรคการเมือง ก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

นายศุภชัยกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรว่า ขณะนี้มีคำร้องเรียนของนายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นคำร้องเข้ามา ซึ่ง กกต.ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เบื้องต้นต้องเข้าใจว่าทุกคนที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองสามารถหาผู้ร่วมก่อตั้งได้ ไม่เป็นความผิดเนื่องจากจะหาคนให้ได้ 500 คนตามกฎหมายก็ต้องไปชักชวน แต่มีข้อแม้ว่าการชักชวนบุคคลให้เข้ามาร่วมพรรคการเมืองต้องไม่เสนอให้สัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อให้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพราะเป็นความผิดตามมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนผู้ถูกชักชวนก็ต้องไม่รับหรือเรียกรับ เพื่อไปเป็นสมาชิกเพราะมีความผิดตามมาตรา 31 ของกฎหมายเดียวกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ปรากฏว่าการทาบทามมีการเสนอหรือสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนแต่ กกต.ก็กำลังตรวจสอบ ถ้าใครมีหลักฐาน ให้ส่งมาที่ กกต. และเมื่อดำเนินคดีเสร็จแล้วผู้ที่แจ้งเบาะแสก็จะได้รับรางวัล

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีบุคคลที่ตกเป็นข่าวว่าจะไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ ได้รับตำแหน่งในรัฐบาล เบื้องต้นต้องดูข้อเท็จจริงว่ามีการตอบแทนผลประโยชน์หรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งพรรคการเมือง ส่วนคนที่ได้ตำแหน่งในขณะนี้จะไปร่วมกับพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ก็ต้องดูต่อไปในอนาคต ส่วนที่กลุ่มสามมิตรประกาศสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ถือเป็นสิทธิ แต่การสนับสนุนนั้นอย่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมือง ขอให้ดูมาตรา 30 และมาตรา 31 ของ พ.ร.บ. พรรคการเมืองเป็นหลัก และใครที่จะกล่าวหาต้องระมัดระวังอย่ากล่าวหาเท็จ เพราะจะถูกตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรคู่ขนานไปกับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี จะเข้าข่ายผิดกฎหมายใดหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ต้องแยกแยะเพราะการลงพื้นที่ของฝ่ายบริหารมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ราษฎร อาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้าใครมีหลักฐานว่าสองฝ่ายนี้ร่วมมือกันให้เงินเพื่อตอบแทนให้เป็นสมาชิกพรรคก็ส่งมาให้ กกต.ได้ แต่ขณะนี้พรรคก็ยังไม่ได้ตั้ง

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์