กกต.จ่อเล่นงาน 40 ผู้สมัครส.ส. จาก 12 พรรค หลังพบแอบแก้ไขข้อมูล

กกต.จ่อเล่นงาน 40 ผู้สมัครส.ส.จาก12 พรรค ที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อเป็นผู้สมัคร หลังพบปิดรับสมัครแล้วแอบแก้ไขข้อมูลในระบบฐานข้อมูลสมาชิกหวังให้มีคุณสมบัติครบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กกต.ไม่ประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและในระบบบัญชีรายชื่อ 107 ราย เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการรับสมัครโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องการไม่จัดตั้งสาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคการประจำจังหวัด การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อน และสังกัดพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วันนั้นโดยผู้สมัครอยู่ในระหว่างการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาของคืนสิทธิการเป็นผู้สมัคร

มีรายงานว่า สำนักงานกกต.ได้ตรวจสอบพบว่า ในจำนวนผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต 389 รายที่กกต.ไม่ประกาศรายชื่อนั้น มี 38 ราย ที่พรรคการเมืองต้นสังกัดของผู้สมัครได้มีการเข้าไปแก้ไขระยะเวลาการเข้าเป็นสมาชิกพรรคของผู้สมัครตนในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคหลังการปิดรับสมัครเพื่อให้ผู้สมัครตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและได้รับการประกาศชื่อ แยกเป็นของพรรค พรรคเพื่อแผ่นดิน 8 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 2 คน พรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 4 คน พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล 1 คน พรรคประชาชนปฏิรูป 1 คน พรรคประชาธรรมไทย 1 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 11 คน พรรคพลังปวงชนไทย 3 คน พรรคภารดรภาพ 1 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 4คนและพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย1คน

ขณะเดียวกันในส่วนผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่กกต.ไม่ประกาศรายชื่อ 107 คนนั้นในจำนวนนี้พบว่ามี 2 คนจาก พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่มีการเข้าไปแก้ไขข้อมูลย้อนหลังในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง ทั้งนี้ ตัวอย่างที่มีการแก้ไข และสำนักงาน กกต.ตรวจพบ เช่น ผู้สมัครรายหนึ่งของพรรคพลังปวงชนไทย มีชื่อในระบบฐานข้อมูลพรรคเดิมเป็นสมาชิกพรรควันที่ 22-01-2019 พบมีการแก้ไขเป็น22-11-2018 และพบวันที่ทำเหตุการณ์แก้ไขข้อมูลในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมือง 13 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 18:47:35 นอกจากนี้ยังพบว่าอาจมีการฮั้วกันของพรรคการเมืองเข้าไปแก้ไขการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเดิม และไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่เพื่อให้ไม่เป็นสมาชิกซ้ำซ้อนและมีระยะเวลาการสังกัดพรรคใหม่ครบตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งทางสำนักงานฯได้มีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตใช้ในการชี้แจงสู้คดีต่อศาลฎีกา ขณะเดียวกันก็กำลังพิจารณาจะดำเนินการผิดกับผู้สมัครหรือพรรคการเมืองในความผิดตามกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีซึ่งมีโทษจำคุกด้วย

 

ที่มา: มติชนออนไลน์