“ไม่เอาบิ๊กตู่” บิ๊กแคมเปญเขย่า พปชร. อภิสิทธิ์ ต้านสืบทอดอำนาจ แตกหักพรรคสุเทพ

ศึกสามก๊ก ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)-เพื่อไทย (พท.)-ประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดินมาถึง “จุดแตกหัก”

เมื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้า ปชป. ประกาศไม่จับมือกับ พท.-ไม่ร่วมรัฐบาลกับ พปชร.

ก่อนจะถึง “วันแยกทาง” เมื่อ “คนเคยรัก-สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)-ผู้สนับสนุนหลัก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ทวงบุญคุณอดีตนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Suthep Thaugsuban”

“ผมเป็นคนทำให้อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ ถ้าไม่ใช่เพราะผม ผมไม่รู้ว่าชาติหน้ามันจะได้เป็นนายกฯหรือไม่…อยากจะเป็นนายกฯจนลืมพวกกูแล้วใช่หรือไม่”

จากแผนลับ ดีลล่วงหน้า ภารกิจดัน “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯอีกสมัย คือ การจัดตั้ง “รัฐบาลงูเห่า” โดยดึงมือ 30 ชีวิตใน ปชป. พันธมิตร กปปส.พร้อมจะ “พลิกขั้ว” การเมืองอีกครั้ง

“ไม่ควรถามว่าเป็นจุดยืนของพรรคหรือจุดยืนส่วนตัว ผมพูดในฐานะหัวหน้าพรรคที่ต้องยึดถืออุดมการณ์ของพรรค ที่บัญญัติไว้เมื่อ 70 ปีที่แล้ว ใครไม่รักษาอุดมการณ์พรรคก็ขัดข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว”

“อภิสิทธิ์” ตอกย้ำทฤษฎี “สามก๊ก”-3 ทางเลือก โดยมีทฤษฎี “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต” เป็นทางหลักให้ “พลังเงียบ” ไม่ต้องถูกบีบให้เลือกข้างประชาธิปไตย-เผด็จการ หรือเอา-ไม่เอาทักษิณ หรือเอา-ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

“การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนมี 3 ทางเลือก มันไม่มีการบังคับให้เลือกข้างบนตัวบุคคลอีกต่อไป พรรคไม่ไปบังคับให้ต้องเลือกข้าง พล.อ.ประยุทธ์ หรือคุณทักษิณ”

การประกาศไม่จับมือกับพรรคที่มีมลทินเรื่องการทุจริต-อยู่ใต้ร่มเงาของทักษิณ และไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ-มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ทำให้ ปชป.-อภิสิทธิ์เห็น “คะแนนบริสุทธิ์” ของคนที่ตัดสินใจเลือก ปชป. ขณะเดียวกัน อาจเสีย “ส่วนแบ่ง-คะแนนทับซ้อน” ของคนที่เป็นฐานเสียง ปชป. แต่เป็นสาวกของ กปปส.-แฟนคลับของ พล.อ.ประยุทธ์ที่เห็น ปชป.เป็น “พรรคเครือข่าย” ในการสกัดกั้นระบอบทักษิณ

“ถ้าสิ่งที่ผมประกาศทำให้เสียคะแนน ผมก็ยินดี” อภิสิทธิ์ยอมรับผลการไม่เกรงใจใคร

เมื่อโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ไม่ได้ตัดสินชี้ขาดกันด้วยนโยบาย แต่กลับเป็นวาทกรรม “ประชาธิปไตย” กับ “สืบทอดอำนาจ” ยิ่งถูกพันรัดไว้ที่ตัวบุคคล “ทักษิณ” กับ “พล.อ.ประยุทธ์” จนแรงไม่หยุด

ทำให้กระแส “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต” ของ ปชป.ที่มี “อภิสิทธิ์” เป็นสัญลักษณ์ถูกบดบัง-สุ่มเสี่ยงที่จะเป็น “พรรคต่ำร้อย” อภิสิทธิ์จึงต้องออกแรงดิ้นโค้งสุดท้าย

“ปัญหาที่ผมพูดมาตลอดในการร่วมงานกับ พท. คือ ตราบเท่าที่ พท.ไม่สามารถออกมาจากการครอบงำของคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ขัดกับผลประโยชน์ของประเทศ ปชป.ไม่สามารถร่วมงานด้วยได้ ถึงนาทีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง”

“ถ้าผมเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล พปชร.ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็น ส.ส. นายกฯก็ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์”

“ในวันที่ พปชร.ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์แล้วเขาเป็นอย่างไร ใครเป็น ส.ส. ใครเป็นอะไร เพราะผู้บริหาร (อดีต 4 รัฐมนตรี) ไม่มีใครเป็น ส.ส.เลย ถ้าพยายามสืบทอดอำนาจผมก็จะไม่ให้มาร่วม”

“ปชป.จะชวน พปชร.มาร่วมก็ต่อเมื่อไม่มีการสืบทอดอำนาจ” หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ปชป.จะร่วมกับ พปชร.ได้บน “เงื่อนไขเดียว” คือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่ใช่นายกฯ

ก่อน “อภิสิทธิ์” จะตัดความสัมพันธ์กับ “พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมกับยกเหตุผลว่า เงื่อนไขความขัดแย้งหลังเลือกตั้ง คือ การสืบทอดอำนาจโดยมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นศูนย์กลาง

“การประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่มีปัญหาส่วนตัวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ค่อนข้างจะผูกพันกันด้วยซ้ำ เพราะเคยทำงานมาด้วยกันในช่วงที่ยากลำบาก และขอบคุณท่านเสมอในงานที่ท่านช่วยทำ แก้ปัญหาในช่วงที่ผมเป็นนายกฯ”

“5 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าหลายเรื่องจะไม่เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เชื่อว่าประชาชนจำนวนมากจะขอบคุณที่ท่านพยายามทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย”

“แต่วันนี้ เมื่อคิดถึงความขัดแย้ง ความวุ่นวาย การตัดสินใจของผมต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ประเทศในอนาคต และในระยะยาว ไม่สามารถเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้องได้”

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!