อนค. เผย เตรียมหารือจับขั้วพรรคร่วมรบ.พรุ่งนี้ ซัด วิษณุ-มีชัย รู้อยู่แก่ใจ พรรคที่ 1 ต้องมาก่อน

โฆษกอนาคตใหม่ เผยเตรียมหารือจับขั้วพรรคร่วมรัฐบาลพรุ่งนี้ ซัด “วิษณุ-มีชัย” ทราบดีอยู่แก่ใจ เสียงอันดับ 1 ในสภาต้องนำทัพไม่ใช่ป๊อปปูล่าโหวต

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า วันนี้(26 มี.ค.) มีการประชุมคณะทำงานของพรรคอนาคตใหม่เพื่อหารือถึงการปรับโครงสร้างการทำงานภายในพรรคหลังการเลือกตั้ง รวมถึงจะสรุปเหตุการณ์เกี่ยวกับการโกงหรือทุจริตการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เพราะหลายเขตเลือกตั้งที่ผู้สมัครของพรรคมีคะแนนสูสี ซึ่งพรรคไม่มีเครือข่าย และไม่มีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งไปติดตามการนับผลคะแนนทุกหน่วย หรือบางหน่วยเลือกตั้งไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์ของพรรคเข้าไปร่วมดูการนับผลคะแนน หากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนและดำเนินการฟ้องให้นับคะแนนใหม่ เชื่อว่าจะมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคะแนนเขตได้ โดยการการรวบรวมเบื้องต้นพบมีปัญหาเรื่องการนับคะแนนในกรุงเทพฯ 11 เขต แต่ถ้ารวมทั้งประเทศเชื่อว่าจะมี 20-30 กรณี

เมื่อถามถึงการพูดคุยเรื่องการจับมือร่วมรัฐบาล นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุย ซึ่งจะพูดคุยในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรควันพรุ่งนี้ (27 มี.ค.) ย้ำว่าการรวบรวมเสียงต้องเป็นแนวร่วมการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. และพรรคไหนที่แสดงเจตนารมย์นี้ก็ควรจับมือกัน เพื่อให้ได้ ส.ส.เกินครึ่งของสภา แต่ก็คงไม่สามารถจะปิดสวิต ส.ว.ได้ เพราะต้องใช้ 376 เสียง แต่จะก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ถ้าสถานการณ์ปกติฝ่ายประชาธิปไตยจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

เมื่อถามว่า กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมี จำนวน ส.ส. หรือ คะแนนนิยม มากกว่ากัน นั้น น.ส. พรรณิการ์ กล่าวว่า การที่อธิบายไม่ได้แสดงว่า ทราบดีอยู่แก่ใจ ว่า เสียงอันดับ 1 ในสภา ไม่ใช่ป๊อปปูล่าโหวต เพราะคะแนนดิบไม่ได้มีความสำคัญ เท่ากับพรรคที่ได้เสียงในสภามากที่สุด มีที่นั่งในสภา มีเสียงของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเรื่องนี่ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายกัน เพราะเป็นไปตามหลักการ ยกเว้นจะมีความพยายามพลิกแพลงกฎหมาย ส่วนการพิจารณากรณีบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจาก ประเทศนิวซีแลนด์ ส่งมาไม่ทันการนับคะแนนนั้น มีความคาดหวังว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะทำหน้าที่อย่างซื่อตรง เพราะบัตรที่ส่งมาล่าช้าไม่ได้เป็นความผิดพลาดจากต้นทาง ไม่มีเหตุจงใจให้เกิดการทุจริต

 

Advertisment

 

ที่มา : มติชนออนไลน์