“เพื่อไทย” จับมือพันธมิตร 255 เสียง ตั้งรัฐบาลผสม “ภูมิธรรม” ย้ำ “มิ่งขวัญ” มาชัวร์ ใจสำคัญกว่าสัตยาบัน

ที่ รร.แลงคาสเตอร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงข่าวประกาศจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองฝ่ายพันธมิตรพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งนี้ พรรคที่ร่วมการแถลงข่าวประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) พรรคประชาชาติ (ป.ช.) พรรคพลังปวงชนไทย โดยหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคต่างๆ ได้ทยอยกันมาตั้งแต่เวลา 09.30 น. อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เดินทางมาถึงบริเวณสถานที่แถลงข่าวโดยที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้บริหารพรรคให้การต้อนรับ

จากนั้นแกนนำทั้ง 6 พรรคได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรามีเจตนารมณ์ในพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช. ตั้งแต่ช่วงรณรงค์ลือกตั้งจนถึงปัจจุบัน จะร่วมทำตามสัญญาประชาคม และเจตนารมณ์ของประชาชนที่ได้เลือกพวกเรามา วันนี้ถือว่าพรรคในฝั่งประชาธิปไตยได้รับฉันทานุมัติมากที่สุด แม้ตัวเลขจะยังไม่นิ่ง แต่ไม่ต่ำกว่า 255 เสียงที่ประกาศตัวชัดเจน ยังมีแนวร่วมที่พูดคุยกันอีก ดังนั้น ถือว่าพรรคฝั่งประชาธิปไตยและไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. ได้เสียงข้างมากจากประชาชนแล้ว ให้เราจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน จะทำตามความมุ่งหวังของประชาชนให้มากที่สุด และจะทำตามกติกา อย่างมีมารยาท และส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการเมืองที่สร้างสรรค์

แม้การเลือกตั้งครั้งนี้ยากตั้งแต่การลงสมัคร เพราะกติกา เขียนสืบทอดอำนาจ คสช.ไว้ ขณะการเลือกตั้งมีการใช้อำนาจรัฐกดดัน การซื้อเสียงมีมากมาย จนถึงการนับคะแนนที่เห็นความผิดปกติ เป็นการเลือกตั้งที่มีข้อกังขามากที่สุด ต่อไปต้องเผชิญสิ่งที่เรียกว่าพยายามทอนคะแนนฝั่งนี้ แจกใบเหลือง ใบแดง เพราะมีเวลากว่า 2 เดือน ที่จะรับรอง ส.ส. อย่างไรก็ตามแต่ละพรรคได้เก็บคะแนนดิบของเราไว้แล้วป้องการถูกบิดเบือน ถูกการโกงคะแนน ดังนั้น ปฏิบัติการย้ายค่ายเบอร์เดิม พยายามทำใช้ผลประโยชน์ทั้งตัวเงินและตำแหน่งล่อ มั่นใจว่า ถ้าเป็นผู้มีอุดมการณ์จะไม่เปลี่ยน และเชื่อว่ามีพรรคการเมืองอื่นที่เห็นแก่บ้านเมืองต้องกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หันหน้ามาร่วมมือมากกว่านี้ เพราะยังมีอีกหลายพรรคที่ประกาศใกล้เคียงกัน โดยเพื่อไทยจะเริ่มคุยกับพรรคอื่นด้วย

ด้านนายธนาธรกล่าวว่า มองเห็นว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันอยู่ในภาวะที่อำนาจไม่เป็นประชาธิปไตย พยายามต้องการเข้ามามีบทบาทหลังเลือกตั้ง ภาวะแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในระยะยาว และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้เสียงของประชาชนเป็นจริง ดังนั้น เราต้องการหยุดสืบทอดอำนาจ คสช. ดังนั้น พรรค มีจุดยืน 5 ข้อ 1.เราจะร่วมกับพรรคการเมืองที่แถลงข่าวร่วมกันสกัดกั้นการสืบทอดของ คสช.ให้ถึงที่สุด แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก จะต้องฝ่าฟันการปิดสวิตช์ ส.ว. แต่จะร่วมทำงานด้วยกันเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช.ให้ได้ 2.เชิญชวนพรรคการเมืองที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ช่วงหาเสียง จะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คสช.ให้มาร่วมกันสร้างรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล 3.ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีควรมาจากพรรคที่ได้ ส.ส. อันดับ 1 พรรคอนาคตใหม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เพราะเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุดในวันนี้ 4.เรียกร้องพรรคการเมืองที่อยากตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วใช้กลไก ส.ว.เป็นตัวสนับสนุนจะรังแต่ให้เกิดความวุ่นวายต่อสังคม และทำให้สังคมเดินไปสู่ทางตัน และทำให้การพัฒนาการเมืองไทยเป็นไปไม่ได้ 5.เรียกร้องให้ กกต.ทำหน้าที่บริสุทธิ์ยุติธรรม หลังการเลือกตั้งมากกว่า 2 วัน ยังไม่เห็นผลการนับคะแนนทุกหน่วย ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทุกหน่วยในประเทศ เพื่อให้สาธารณะนำตัวเลขไปตรวจสอบความถูกต้อง

พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวศร์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า จะยืนหยัดอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และเรียกร้อง พรรคการเมืองต่างๆ ที่ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ ให้คำนึงว่าการที่ทำพรรคการเมืองและได้รับความไว้ใจจากประชาชน ให้ยืนหยัดสิ่งเหล่านี้อย่าคิดหวังประโยชนที่พรรคสืบทอดอำนาจมาเสนอให้ ไม่ว่าตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ ถ้ายืนอยู่ฝ่ายสืบทอดอำนาจ ถือว่าเป็นตัวการทำลายระบอบประชาธิปไตยโดยตรง และเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีอนาคต

Advertisment

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่มีความสำคัญ ทั้งโลกกำลังติดตามการทำงานของ กกต. และจับตารัฐบาลของประเทศไทยจะสืบอำนาจต่อหรือเผด็จการ จึงสำคัญอย่างยิ่ง อยากเห็นว่าหลังการเลือกตั้ง รัฐบาลที่บริหาร เป็นรัฐบาลที่เคารพสิทธิของประชาชน ไม่ควรเป็นรัฐบาลที่เห็นแก่พวกพ้อง พยายามสานต่ออำนาจ ทำให้ประเทศบอบช้ำต่อไปอีก รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะทำให้ความน่าเชื่อถือกลับคืนสู่ประเทศ แต่ถ้ารัฐบาลใหม่ไม่เป็นประชาธิปไตย เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้

ควรเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 251 ขึ้นไป ถ้าหากใครคิดเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยอาศัยเสียงวุฒิสภาเข้ามาร่วมตั้งรัฐบาล จะไมมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจย่ำแย่ หุ้นคงจะตกระนาว นักลงทุนที่ไหนจะกล้ามาเสี่ยงอยู่กับรัฐบาลที่อยู่บนเส้นด้ายว่าจะถูกอภิปรายให้ออกไปเมื่อไหร่ งบประมาณจะผ่านหรือไม่ เป็นอุปสรรคที่ไม่ควรจะมี”

ด้านนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เรามาด้วยจิตสำนึกในความเป็นประชาธิปไตย ยึดมั่นในคำพูด ศักดิ์ศรีอุดมการณ์ประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทดอำนาจ อยากเห็นการตั้งรัฐบาลขอให้ทำตามหลักสากล เสียงส่วนใหญ่ การใช้เล่ห์กลตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยขออย่าทำ

ด้านนายภูมิธรรมกล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันให้ประเทศเดินหน้า นอกจากนี้ ยังมีพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ยืนยันว่า 6 เสียงของเขา ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจขอยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย

Advertisment

“อย่างไรก็ตาม เราต้องการความถูกต้องชัดเจนของคะแนน กกต.ต้องประกาศผล 100 เปอร์เซ็นต์ทันที มีคะแนนดิบอยู่ในมือแล้วไม่ควรเก็บ 5 เปอร์เซ็นต์ไว้ไม่ประกาศ เป็นเรื่องที่เราสงสัย และไม่สบายใจ ทั้ง 6 พรรค ยืนยันไม่สืบทอดอำนาจต่อไป จะยืนยันรักษารัฐบาลที่มาจากกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ทั้งหมดได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อลงสัตยาบันในแถลงการณ์ร่วมทั้ง 6 พรรค โดยแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้มีการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 และได้รับทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการไปแล้วนั้น บัดนี้ พรรคการเมืองตามรายชื่อท้ายแถลงการณ์นี้ ซึ่งยืนยันว่าได้รวบรวมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินกว่า 255 เสียง ได้ลงสัตยาบันร่วมกันในการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. จึงแสดงเจตนารมณ์ไว้ร่วมกัน”

เมื่อถามว่า 255 เสียง จะเป็นรัฐบาลได้จริงหรือไม่ นายธนาธรระบุว่า ทุกพรรคที่อยู่ขณะนี้มี 255 เสียงอย่างต่ำ ตอนนี้ต้องยืนยันตัวเลขนี้ โดย กกต.ต้องเปิดเผยคะแนนดิบออกมา ส่วนจะมีใบเหลือง ใบแดง ให้เป็นเรื่องจากนี้ไป ดังนั้น 255 เสียงในระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์แล้ว ส่วน ส.ว.250 เสียง ขณะนี้มีเสียงข้างมากแล้ว 255 เสียง สิ่งที่คุยพรรคที่อยู่ตรงกลาง อยากให้รัฐบาลมีเสถียรภาพทางพรรคเพื่อไทยก็ยินดี แม่พรรคอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฝ่ายค้านก็รับรองนายกฯได้ จะทำให้ สว.250 เสียงไม่ทำงาน ขั้นตอนต่อไปยืนยันตัวเลขกับ กกต. เพื่อไม่ให้เกิดความกังขา

ส่วนกระแสข่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ นายธนาธรระบุว่า คุณหญิงสุดารัตน์เหมาะสมที่สุด สง่างามที่สุดในแคนดิเดตนายกฯ ถ้าพรรคเสนอรายชื่ออื่นค่อยมาคุยกัน แต่วันนี้รายชื่ออันดับ 1 คือคุณหญิงสุดารัตน์ ขณะที่นายสงครามตอบคำถามว่า “ยินดีฟังรับเสียงส่วนใหญ่ร่วมมือเป็นรัฐบาลอยู่แล้ว จะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์หรือเพื่อไทยจะหลีกให้ใครเราพร้อมสนับสนุน ขอให้มาจากฉันทามติ”

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยไม่รับข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยเสนอนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้พูดมาตลอดคือ ขอเอาเป้าหมายการร่วมรัฐบาลโดยยึดเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นพื้นฐาน ออกจากความขัดแย้ง คืนความเป็นประชาธิปไตยคือเป้าหมายที่ทำให้ประเทศเดินหน้า ส่วนนายกฯเป็นเรื่องพรรคร่วมรัฐบาลจะคุยกัน ไม่เกี่ยวว่าใครจะรับหรือไม่รับ แต่เงื่อนนายกฯ ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่พรรคเพื่อไทยใช้ต่อรอง

เมื่อถามว่า พรรคฝ่ายประชาธิปไตยมั่นใจ 255 เสียง จะอยู่ถึงวันประกาศรับรองผล 9 พ.ค. นายภูมิธรรมระบุต้องเชื่อในมั่นเจตนารมณ์ที่ประชาชนเลือกมา เชื่อหัวหน้าพรรคทุกพรรคจับมือไม่ให้เกิดการสืบทอดอำนาจ หรือใช้กลไกมาตอบสนองความต้องการตนเอง เชื่อว่าภายใต้การสนับสนุน

นายธนาธรย้ำถึงกระแสข่าวดูด ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเห็นอุดมการณ์ของพรรคจึงเข้าสมัครด้วยพลังอุดมการณ์ความเหนียวแน่นจึงมีสูง พรรคอนาคตใหม่จะพูดคุยผู้ที่ได้เป็น ส.ส. 80 กว่าคนจะประชุมใหญ่วันที่ 30-31 มี.ค. ยืนยันพรรคอนาคตใหม่มีพลังพอทนแรงดูด

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า สุดสัปดาห์จะเรียกคนที่เป็น ส.ส.ให้สัตยาบันจะอยู่ร่วมกัน และกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 46 ห้ามผู้ใดสมาชิกพรรค เรียกรับผลประโยชน์ มีโทษจำคุก 10-20 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ใครขอให้เป็นงูเห่าขอให้ระวังกฎหมายนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 7 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยได้รวมเสียง ส.ส.ได้ไม่น้อยกว่า 255 -258 เสียง ประกอบด้วย 1.พรรคเพื่อไทย 137 หรือ 138 เสียง 2.พรรคอนาคตใหม่ 88 เสียง 3.พรรคเสรีรวมไทย 12 เสียง 4.พรรคประชาชาติ 7 เสียง 5.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง 6.พรรคเพื่อชาติ 5 เสียง และ 7.พรรคพลังปวงชนไทย 1-2 เสียง

ต่อมานายภูมิธรรมกล่าวถึงการที่นายมิ่งขวัญ ไม่ได้ร่วมสัตยาบันพร้อมกับ 6 พรรค ว่า “คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รักษาสัญญา โทรศัพท์หาผมว่า ผมไปร่วมงานวันนี้ 27 มี.ค.ไม่ได้ ให้ภูมิธรรมบอกไปได้เลย คุณมิ่งขวัญเขียนเฟซบุ๊กเป็นการยืนยันที่สุด เขาไป กกต. เพราะสงสัยว่าพรรคได้ 7 หรือ 8 ที่นั่งเขายืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย และที่ไม่ได้มาลงสัตยาบัน พรรคอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะใจสำคัญกว่า”