เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่โรงแรมระวีกัลยา แบงคอก เวลล์เนส คูซีน รีสอร์ท นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีลับหลังจำเลยในคดีที่ อสส.กล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยฐานร่วมทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษฎามหานคร และคดีกล่าวหาทุจริตการออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต ที่ศาลฎีกาฯสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว ว่า อสส.คงต้องไล่ทำทุกคดี เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ได้เริ่มบังคับใช้แล้ว ทำให้คดีในส่วนนี้ไม่มีอายุความ จึงสามารถดำเนินการได้ สามารถพิจารณาคดีและอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ แต่ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้คดีได้ ถ้าเจ้าตัวไม่มาเอง ก็สามารถส่งตัวแทนมาได้ หรืออาจสละสิทธิไม่มาก็ได้ ขณะที่การพิจารณาสามารถดำเนินการต่อไปได้ อีกทั้งหลักดังกล่าวได้ใช้กันในหลายประเทศ โดยที่ไม่ได้เสี่ยงต่อการขัดหลักสิทธิมนุษยชน เพราะเมื่อเปิดโอกาสให้เขามาแล้ว แต่กลับไม่มาเอง ส่วนการขัดหลักสิทธิมนุษยชนคือ การรวบรัดตัดความ การพิจารณาโดยไม่ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา แต่กฎหมายฉบับนี้ถือว่าให้โอกาสแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทีมทนายความของนายทักษิณโต้แย้งว่าการกระทำดังกล่าวของ อสส.เป็นการขัดหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายสากล นายวิษณุกล่าวว่า เราให้โอกาสแล้ว ถ้าเขายังไม่มาตอนนี้แล้วจะมาตอนไหน ขอให้แจ้งมา จะได้รอ เมื่อถามว่าการดำเนินการใน 2 คดีดังกล่าวจะถูกมองว่ามีนัยยะทางการเมืองในช่วงนี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ใครจะมอง ตนไม่ทราบ เพราะ อสส.บอกแล้วว่าทำตามหน้าที่ของเขา และเป็นไปตามวาระโอกาสหลังจากที่กฎหมายใหม่บังคับใช้ รวมทั้ง อสส.คงจะไปไล่ดำเนินการตามลำดับคดี โดยคดีใดที่จะมีปัญหาเรื่องของพยานหลักฐานสูญหาย เขาก็อาจหยิบมาทำก่อน
ที่มา : มติชนออนไลน์