“ศักดิ์สยาม”เคลียร์ใจ”ทอท.-เซ็นทรัล”ปมเอาต์เลตหรู สั่งหาเจ้าของถนน370 จี้”กพท.”ออกประกาศคุมเพิ่ม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมร่วมกระทรวงคมนาคมกรณีข้อพิพาทการก่อสร้างโครงการ Central Village ที่ประชุมสรุปว่า พื้นที่ที่ก่อสร้างไม่ได้อยู่ในความดูแลของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) แต่อยู่ในความดูแลของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) และกรมธนารักษ์

เบื้องต้นมีมติเห็นชอบร่วมกันใน 2 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของกระทรวง ได้แก่ 1.กรณีทางถนน 370 (ถนนเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ) ซึ่งเป็นทางเชื่อมของโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ และมีข้อพิพาทกันระหว่าง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) และ ทอท.

ได้ให้นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวง เชิญหน่วยงานที่มีการอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ถนนสายนี้ 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทางหลวง (ทล.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) และกรมธนารักษ์ มาหารือเพื่อตกลงกันว่าใครจะเป็นเจ้าของสิทธิ์ในถนนเส้นนี้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า

“เมื่อสรุปเจ้าภาพได้แล้ว CPN ก็ต้องทำเรื่องขอมาใหม่ หาก ทล. เป็นเจ้าภาพ CPN ก็ไม่ต้องทำเรื่องขออนุญาตอีก เพราะ CPN ได้ยื่นขอกับ ทล.ไปแล้ว แต่หากเป็นหน่วยงานอื่นก็ไม่มีปัญหา เพราะศาลปกครองได้สั่งคุ้มครองชั่วคราวไปแล้ว CPN สามารถทำเรื่องเสนอขออนุญาตย้อนหลังได้ ซึ่งการหาเจ้าภาพจะส่งผลดีในระยะยาวถาวรก็จะได้รู้กันว่า เมื่อมีกรณีเกี่ยวกับถนนเส้นนี้อีกต้องทำเรื่องขอไปที่หน่วยใด”

นอกจากนั้น CPN ได้ชี้แจงเสริมว่า การขออนุญาตทำทางเชื่อมระหว่างตัวห้างกับถนน ได้ขอกับ ทล.ในฐานะหน่วยงานเจ้าของถนนแล้ว และได้รับอนุมัติไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งศาลปกครองก็มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเรียบร้อย จึงสามารถเชื่อมทางดังกล่าวไปก่อนได้ พร้อมกับยืนยันว่ายังเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค.นี้ตามเดิม

นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่มีความเห็นร่วมกันคือ ความปลอดภัยทางการบิน พบว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้มีการออกประกาศใช้ พ.ร.บ.ทางเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) 2562 แล้วโดยในมาตรา 59 มีการกำกับควบคุมการบินแล้ว 4 เรื่องคือ 1.การปล่อยแสงเลเซอร์หรือแสงไฟขึ้นสู่อากาศ, 2.การปล่อยคลื่นเสียง คลื่นวิทยุ และคลื่นสัญญาณไฟฟ้า, 3.การใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ปล่อยคลื่นไฟฟ้าได้ และ 4.กิจกรรมอื่นตามที่ผู้อำนวยการกำหนด

แต่ข้อ 4 ต้องให้ กพท.ร่างประกาศกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ออกมา เพื่อเสนอ ICAO ก่อน จึงยังไม่มีการกำหนดที่ชัดเจน แต่ กพท.ดำเนินการตรวจเรื่องความสูงของอาคารต่างๆ ในเขตการบินของ กพท.แล้ว โดยมีรัศมีห่างจากเขตสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 9 กม.

ที่ประชุมจึงให้ กพท. และ CPN ช่วยตรวจสอบโครงการอีกทีหนึ่งและทำหนังสือยืนยันตอบกลับมา และเมื่อตรวจแล้วเสร็จ ให้ทำหนังสือยืนยันตอบกลับมาที่ กพท.ด้วย และทาง CPN ต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติมตามที่ กพท.จะมีประกาศข้อกำหนดออกมาด้วย เพื่อให้ กพท.ทำรายงานเรื่องความปลอดภัยทางการบินให้ ICAOตรวจสอบและอนุมัติ หากถูกต้องแล้วจะใช้บังคับกับทุกสถานที่ทันที

นอกจากนี้ เมื่อมีคำสั่งศาลปกครองออกมาแล้ว และ ทอท.ทราบดีแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของ ทอท.หรือไม่ ก็ให้ ทอท.ดำเนินการรื้อถอนแบริเออร์และสิ่งกีดขวางต่างๆ ออกไปทันที และให้ร่วมมือกับ CPN ทำความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงสหภาพของ ทอท.เองด้วย

“เรื่องที่เกิดมาจากที่กรมธนารักษ์ซื้อที่ดินบริเวณนี้ แล้วกลายเป็นที่ราชพัสดุก่อนจะยกให้ ทย.ครอบครอง จากนั้น ทย.ก็ยกที่บางส่วนให้ ทอท.ไปทำสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนถนนจึงอยู่ในความดูแลของ ทย. ซึ่งกรมธนารักษ์เคยท้วงติงมาแล้วว่า การที่ ทย. ให้ ทล.มาตัดถนนนั้น ควรให้กรมธนารักษ์เป็นผู้อนุญาตก่อน แต่เรื่องมันเกิดมาตั้งแต่ปี 2511 แล้ว จึงไม่อยากฟื้นขึ้นมาอีก”

ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผอ.กพท. กล่าวว่า ประกาศเพิ่มเติมดังกล่าวอยู่ระหว่างกรจัดทำเพื่อเสนอ ICAO คาดว่าจะส่งให้พิจารณาได้ใน 1-2 สัปดาห์หน้า ก่อนที่จะมีการประกาศใช้ภายหลัง ระหว่างนี้ก็จะให้ CPN มีมาตรการดูแลกรณีมีการจัดกิจกรรมขึ้น ซึ่ง กพท.จะไปสุ่มตรวจโดยไม่แจ้งล่วงหน้า และ CPN จะต้องทำรายงานเพิ่มเติมมาในภายหลังเมื่อประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้