เฟรเซอร์สฯโฮมลงทุน 25 โครงการใหม่ 2.95 หมื่นล้าน ก้าวข้ามโควิดสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) เดินเกมรุกตลาดแนวราบ พร้อมก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืน เตรียมลุยตลาดบ้านเดี่ยวเต็มสูบ ส่งบ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ “แกรนดิโอ” เติมเต็มความแข็งแกร่งทั่วมุมเมือง เน้นเจาะกลุ่ม City Home ปักธงทำเลใจกลางเมือง ขึ้นแท่นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว พร้อมเปิดขายใหม่ 25 โครงการ มูลค่ารวม 29,500 ล้านบาท
- ด่วน! วอยซ์ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2564 เป็นอีกปีที่ท้าทาย ท่ามกลางสถานการณ์การระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในภาพรวม และส่งผลกระทบต่อเนื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้ธนาคารปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น และตลาดแนวราบมีการแข่งขันที่สูงขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ สำรวจความต้องการตลาดที่อยู่อาศัยพบว่า คนยังต้องการบ้านแนวราบทั้งทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว ปี 2565 บริษัทปรับกลยุทธ์ด้วยการเพิ่มสัดส่วนเซกเมนต์บ้านเดี่ยวระดับบนแบรนด์ “แกรนดิโอ” และ City Home แบรนด์ “เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60” พร้อมปรับแบบบ้านใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้า ขยายตลาดให้กระจายโครงการครอบคลุมทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันบริษัทรักษาจุดเด่นของตลาดทาวน์โฮมควบคู่ไปด้วย
โดยแผนธุรกิจปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ 13,000 ล้านบาท เติบโต 13% จากโครงการที่เปิดขายแล้ว 62 โครงการ และเตรียมเปิดตัวใหม่ 25 โครงการ มูลค่า 29,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์โฮม 10 โครงการ, บ้านแฝดแบรนด์นีโอ โฮม 2 โครงการ, บ้านเดี่ยว 10 โครงการ และโครงการต่างจังหวัด 3 โครงการ
ทั้งนี้ จากแผนธุรกิจในปี 2565 จะเห็นว่าบริษัทเพิ่มสัดส่วนโครงการบ้านเดี่ยวมากขึ้น และขยายเซกเมนต์ City Home ใจกลางเมือง “เดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60” พร้อมเพิ่มสินค้าระดับซูเปอร์ลักเซอรี่แบรนด์ The Royal Residence
สำหรับกลยุทธ์ก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืนมี 4 ด้าน ได้แก่ 1. Land Bank Development บริษัทมีความได้เปรียบในเรื่องการนำที่ดินเดิมที่ซื้อไว้แล้วมาพัฒนา เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทำให้ได้เปรียบในเรื่องการควบคุมต้นทุน
2.Portfolio Diversification การกระจายพอร์ตสินค้า เพิ่มแบรนด์ให้หลากหลาย ปรับสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นกระจายรายได้ และส่วนแบ่งสินค้าที่อยู่อาศัยทั้งหมดของบริษัท โดยวางกลยุทธ์ของแต่ละสินค้า ดังนี้ “บ้านเดี่ยว & ซิตี้โฮม” พัฒนาแบบบ้านรุ่นใหม่ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้น ยกระดับการใช้ชีวิตในสังคมการอยู่อาศัย ทั้งดีไซน์ ฟังก์ชั่น บนทำเลศักยภาพสูง
ส่วนทาวน์โฮม “โกลเด้นทาวน์” รักษาตลาดในการเป็นผู้นำนวัตกรรมทาวน์โฮมที่มีคุณภาพ โดนเด่นด้วยฟังก์ชั่นที่ครองใจกลุ่มลูกค้า และบ้านแฝด “นีโอโฮม” เน้นสไตล์หรูหรา ฟังก์ชันเทียบเท่าบ้านเดี่ยว ทำเลใกล้เมืองในราคาที่จับต้องได้ และ “ต่างจังหวัด” วางแผนบุกตลาดใหม่ในจังหวัดที่มีศักยภาพ และรักษากลุ่มลูกค้าฐานจังหวัดเดิม โดยเปิดโครงการใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่ใกล้จะขายหมด
นอกจากนี้ มีเรื่องใหม่คือแผนลงทุนพัฒนา “คอนโดมิเนียม” มีการซื้อที่ดินอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก เน้นกลุ่มลูกค้า Real Demand ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง
3.Quality พัฒนาและรักษามาตรฐานการก่อสร้างในทุกโครงการทั้งตัวบ้านและสาธารณูปโภค มีการดูแลจากทีมงาน Quality Development ของบริษัท ถือเป็นการ Double Inspect และการบริการ (Service) เพื่อสร้างความประทับใจในทุกระดับ พร้อมบริการเดินสาย Fiber Optic ให้ลูกบ้าน
4.Technology พัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ HOME+ (โฮมพลัส) ชวนทุกคนมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ เหมือนมีผู้ช่วยเรื่องบ้านที่รู้ใจอยู่ใกล้ตัวตลอด 24 ชั่วโมง สามารถใช้ได้ทั้งลูกบ้านและประชาชนทั่วไป
นายแสนผินกล่าวด้วยว่า บริษัทนำเสนอนวัตกรรมรูปแบบใหม่ของโครงการบ้านเดี่ยว ประกอบด้วย “FRASERS Clean and Cool Air” เทคโนโลยีอากาศสะอาด เย็นสดชื่น และประหยัดไฟจากประเทศญี่ปุ่น เหนือกว่าระบบทั่วไปมี Filter กรองจับสิ่งแปลกปลอม และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ลดความร้อนและอากาศเสียภายในบ้าน ช่วยทำให้หลับสบายในทุกคืน และสดชื่นในทุกเช้า
“ระบบกันขโมยแบบเดินสาย” เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้นอีกระดับด้วยการแจ้งเตือนที่แม่นยำ หมดปัญหาสัญญาณรบกวน ควบคุมผ่าน Application “Spa & Endless Pool” สระว่ายน้ำส่วนตัวกับระบบคลื่นว่ายน้ำทวนกระแส เหมือนได้ว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำที่มีความยาวไม่สิ้นสุด สามารถใช้กระแสน้ำนวดผ่อนคลายแบบสปาได้อีกด้วย และ “EV Charger” จัดเตรียมระบบรองรับสำหรับรถยนตร์ไฟฟ้าทุกหลัง
“ในปัจจุบันยอดขายไม่ได้สำคัญมากนัก เพราะไม่สามารถประมาณการรายได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของลูกค้าในการซื้อบ้าน ที่จะทำให้บริษัทก้าวไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาตลอดในการพัฒนาบ้านให้เป็นบ้านในฝันของลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ที่โดดเด่นสวยหรูถูกใจ ทำเลที่มีศักยภาพสูง พร้อมฟังก์ชั่นครบคุ้มโดนใจ”
