“เชลล์ ประเทศไทย” ฉลองครบ 129 ปี พร้อมลุยภารกิจ “Powering Progress” เพื่อพลังงาน-คุณภาพชีวิตสังคมที่ยั่งยืน

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 กันยายน ปีพ.ศ. 2435 นับตั้งแต่เรือบรรทุกน้ำมันมิวเร็กซ์ของเชลล์เข้าเทียบท่าที่กรุงเทพฯ และเชลล์ได้เป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศไทย โดยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันก๊าดเป็นครั้งแรก นับจากนั้นต่อมา ตลาดน้ำมันก๊าดก็ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ชาวไทยในทุกครัวเรือนต่างรู้จักน้ำมันก๊าด “ตรามงกุฎ” ของเชลล์เป็นอย่างดี

จวบจนวันนี้ เป็นเวลา 129 ปี ที่ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ยังคงมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงและตอบสนองความต้องการด้านพลังงาน รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ว่า “เป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (Trusted Partner for Better Life)” ซึ่งภารกิจของเชลล์ ประเทศไทย ในปีนี้คือ การเดินหน้ายุทธศาสตร์ “Powering Progress” ด้วยการผนึกความร่วมมือและสร้างคุณค่าให้กับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อเร่งขับเคลื่อนสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ หรือการบริการ มุ่งมั่นที่จะผลักดันการเจริญเติบโตของธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และพร้อมอยู่เคียงข้างสังคม-ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านต่างๆ ในทุกวิกฤต จวบจนปัจจุบันในภาวะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

คุณปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด


จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ควิกชาร์จ (EV) ภายใต้แบรนด์ Shell Recharge

ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เชลล์ได้ประกาศเป้าหมายในการเป็นธุรกิจพลังงานที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งจากการดำเนินงานและจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ จำหน่ายให้เป็นศูนย์ พร้อมทั้งได้เปิดตัวพลังงานทางเลือกใหม่ในธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น Lubricant ได้แก่ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรด พรีเมี่ยม เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า 0W สูตรใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเพียวพลัส (PurePlus Technology) นอกจากนี้ในเดือนมีนาคม เชลล์ยังได้เปิดตัวจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ควิกชาร์จ (EV) ภายใต้แบรนด์ Shell Recharge เป็นครั้งแรก อีกด้วย


เดินหน้าสู่ปีที่ 130 สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย

นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ ตลอดระยะเวลาที่เชลล์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย เชลล์ได้มีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจและสังคมมาอย่างยาวนาน ในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 130 เราจะยังคงเดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยตามยุทธศาสตร์หลักของเรา โดยนำความเชี่ยวชาญในระดับโลกของเชลล์มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความจำเป็น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงให้น้อยที่สุด ควบคู่กันกับการดูแลเคียงข้างสังคมในทุกสถานการณ์ เพื่อสร้างการเติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจไทยต่อไป”

อนึ่ง เชลล์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความต้องการด้านพลังงานและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ด้วยการจับมือกับพันธมิตรเปิดตัวโซลูชั่นใหม่อยู่เสมอ เพื่อช่วยให้การขนส่งมีความปลอดภัยมากขึ้น มีการจัดสรรพลังงานที่จำเป็นและสะอาดขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนอย่างพอเพียง ควบไปกับการดูแลสังคมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความปลอดภัย ผ่านโครงการเพื่อสังคมด้านต่างๆ ที่ทำมาเป็นเวลาอันยาวนาน อาทิ “เชลล์เติมสุข” โครงการภายใต้แนวคิด Community Skills and Enterprise Development (CSED) ที่เน้นการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กและชุมชน ผู้สมควรได้รับโอกาสผ่านการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและทักษะอาชีพ รวมถึง โครงการ “Road Safety” ที่ช่วยรณรงค์ส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน

ทุกๆ พัฒนาการถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญ เพราะเชลล์ ประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเป็นพันธสัญญาตั้งแต่ครั้งเริ่มดำเนินธุรกิจด้วยการยึดหลักจริยธรรมในปี พ.ศ. 2540 และวันนี้เชลล์ยังคงเดินหน้าตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน นั่นคือการ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายในปี พ.ศ. 2573 โดยประยุกต์ใช้กับการดำเนินธุรกิจและชุมชนที่เชลล์ดำเนินธุรกิจอยู่

ผลิตภัณฑ์และการบริการจากนอนออยล์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ New Normal