วันที่ 26 เมษายน 2563 รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า เจ็บแล้วต้องจำ อย่าให้การเมืองมามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรื่องชีวิต ความเป็นความตายของประชาชน พร้อมแนะนำให้ คงการปิดการเดินทางจากต่างประเทศ และรณรงค์ให้เกิดสังคม New Me
ข้อความดังนี้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
วันนี้รัฐประกาศว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 15 คน ที่น่าสนใจคือ หนึ่งในสามมาจากต่างประเทศ หนึ่งในสามติดมาจากการไปคลุกคลีสัมผัสกับคนที่ติดเชื้อ และอีกเกือบหนึ่งในสามมาจากการไปตะลอนห้างตลาดและที่ท่องเที่ยว กับการทำงานพบปะผู้คน
ยอดรวมตอนนี้ใกล้ 3,000 แล้ว
แถมใกล้วันประชุมครม. เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนปรนการใช้ชีวิตแก่ประชาชนชาวไทย
เราจึงต้องตื่นเต้น รอวัดใจว่า อิทธิพลนักการเมืองตามค่ายตามมุ้งต่างๆ ที่พยายามหาทางทวงคะแนนเสียงประชานิยมท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ จะมีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลและศบค.มากเพียงใด
เรามีบทเรียนมาแล้วตั้งแต่หลายเดือนก่อน ที่อิทธิพลการเมืองส่งผลให้เห็นปรากฏการณ์หน่วยงานรัฐที่ดูแลสุขภาพไปประกาศหนุนร่วมดูแลงานแข่งรถ ทั้งที่ประเทศมีการระบาดของโรคอยู่ แต่ทนกระแสกดดันไม่ไหวต้องมายกเลิกตอนหลัง แต่การยกเลิกก็คงไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ที่ติดตาตรึงใจเรา ๆ ท่าน ๆ หายไป…
อุปมาอุปมัยได้ว่า เหตุใดช่วงสองสามเดือนแรกของการระบาดจึงได้ยินแต่เรื่องทำนองว่า โรคนี้สบายๆ เราเอาอยู่ๆ
เอาไปเอามา จากไม่ค่อยมีเคส กลายเป็นมีอยู่ทุกวัน และทวีคูณขึ้นจนเกาะใกล้เส้นการระบาด 33% แบบกลุ่มประเทศที่ระบาดหนักอย่างอเมริกา อิตาลี อิหร่าน จีน เยอรมัน เป็นต้น
เรายังโชคดี ที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลตัดสินใจถูกต้องที่จะดำเนินการตามมาตรการเข้มข้นตั้งแต่กลางมีนาคม หลังรับฟังการนำเสนอผลการวิเคราะห์ของโรงเรียนแพทย์
เราจึงดึงจาก 33% มามุ่งสู่ 5% ภายในกลางพฤษภาคมนี้ได้
เจ็บแล้วต้องจำนะครับ…อย่าให้การเมืองมามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรื่องชีวิต ความเป็นความตายของประชาชน
คราวนี้การเมืองหลายมุ้งพยายามปั่นป่วน อยากให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เพื่อมุ่งหวังเม็ดเงิน
ถามจริงเหอะ เอาอะไรมาคิด ทั้งโลกตอนนี้จนกรอบกันหมด เพราะโดนโรคระบาดกันทั่วหน้า
ขืนเอาเข้ามา เงินที่ได้จะน้อยนิด แต่จะเจ็บตัวพินาศกันหมด เพราะจะได้โรคเข้ามาในประเทศ ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะปลอดภัยครับ ณ เวลานี้
ดังนั้นรัฐจึงต้องกล้าตัดสินใจ ผ่อนคลายอย่างชาญฉลาด ให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับแรก รักษาชีวิตคนของเราไว้ให้ได้มาก ถ้ารอดได้ก็จะมีกำลังไปทำเงินได้ในอนาคต
ตอนนี้เป็นยุคที่ต้องอดทนฝ่าฟันความยากลำบาก ช่วยกันประหยัดอดออม ถึงเวลาที่เราต้องน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาช่วยกันปฏิบัติอย่างจริงจัง
อย่าเปิดศึกทั้งในบ้านและนอกบ้านพร้อมกันเด็ดขาด
ผ่อนปรนให้ทุกคนได้ใช้ชีวิต เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพภายใต้กฎระเบียบมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการป้องกันทั้งต่อคนให้บริการและประชาชนผู้มาใช้บริการ
ผ่อนปรนให้ทุกคนได้ใช้ชีวิต เพื่อผ่อนคลายตามสมควร แต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ดี๊ด๊า แต่ต้องพร้อมเพรียงกันในการปฏิบัติตนแบบ New Normal = New Me…
สถานการณ์ที่ไทยควรเลือกที่จะทำคือ “คงการปิดการเดินทางจากต่างประเทศ…และรณรงค์ให้เกิดสังคม New Me”
ควรเริ่มพร้อมๆ กันไปในกลางเดือนพฤษภาคมครับ เพราะตัวเลขคนติดเชื้อที่คงอยู่ในระบบจะลดลงเหลือน้อย พอดีกับการเตรียมระบบและแบบแผนปฏิบัติสำหรับแต่ละคนแต่ละกิจการอย่างละเอียด
ก้าวย่างอย่างมั่นคงรอบคอบ แล้วเราจะรอดไปด้วยกันครับ
เปิดเมื่อพร้อม…อย่าเปิดตามแรงกดดัน
#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#StayHome #อยู๋บ้านกันนะครับ
#ทำงานแบบworkfromhome
#ออกจากบ้านยามจำเป็นเท่านั้น
#หากออกนอกบ้านให้ใส่หน้ากากเสมอล้างมือบ่อยๆอยู่ห่างจากคนอื่นๆ
#เจอกันน้อยๆจะได้อยู่กันนานๆ
#แบ่งปันช่วยเหลือคนยากไร้
ประเทศไทยต้องทำได้ครับ…
เป็นกำลังใจให้ทุกคน…