ระดับค่าออกซิเจน สามารถบอกระดับความรุนแรงของผู้ป่วยโควิดได้ แต่อาจใช้ไม่ได้ผลกับผู้ป่วยที่มี “ภาวะพร่องออกซิเจน”
วันที่ 23 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปกติแล้วระดับค่าออกซิเจนในร่างกาย เป็นหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะบอกได้ว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีอาการรุนแรงจนนำเชื้อไวรัสลงสู่ปอดหรือไม่ โดยการใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
แต่สำหรับอาการ Happy hypoxia หรือ “ภาวะพร่องออกซิเจนแบบไม่มีอาการ” ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการนั้น อาจแสดงค่าออกซิเจนที่สวนทาง เพราะแม้ไม่มีอาการ แต่กลับพบว่า ค่าออกซิเจนต่ำกว่าปกติมาก
“ประชาชาติธุรกิจ” พาทำความรู้จัก ภาวะพร่องออกซิเจน ว่า แท้จริงแล้วผู้ป่วยที่มีอาการนี้จะเป็นมีอาการหรือแตกต่างจากผู้ป่วยโควิดทั่วไปอย่างไร รวมถึงระดับความรุนแรงที่อาจส่งผลให้เสียชีวิตทันที เมื่อผู้ป่วยแสดงอาการ ดังนี้
รู้จัก Happy hypoxia หรือภาวะพร่องออกซิเจน
เฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า ของ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือหมอแม็ก นักเทคนิคการแพทย์ หัวหน้างานตรวจโรคติดเชื้อทางโลหิตวิธีอณูชีววิทยา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โพสต์อธิบายถึงอาการที่ชื่อ “Happy hypoxia” ซึ่งเกิดกับผู้ติดเชื้อโควิดแต่ไม่แสดงอาการ ไว้ว่า
“Happy hypoxia” ไม่ได้แฮปปี้เหมือนชื่อ เราเคยเห็นคนที่ติดโควิดแล้วไม่มีอาการอะไรมาก แล้วจู่ ๆ ก็เสียชีวิตฉับพลัน เริ่มมีจำนวนมากขึ้นแล้ว บางคนเดินอยู่ดี ๆ ก็เริ่มทรุดเสียชีวิต บางคนก็เสียชีวิตที่บ้านทั้งที่มีอาการน้อย ๆ
ซึ่งเวลาที่โควิดลงปอด ปอดก็จะทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนได้น้อยลง ทำให้ระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดต่ำลงด้วย ก็เลยเรียกว่าภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) พอออกซิเจนลดลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการต่าง ๆ เช่น แน่นหน้าอก ไอ หายใจไม่สะดวก
Happy hypoxia คือ ร่างกายเกิดภาวะพร่องออกซิเจน แต่ผู้ป่วยกลับไม่มีอาการ หรือมีอาการแค่เล็กน้อย ร่างกายยังดูเหมือนแฮปปี้อยู่เลย ทำให้ไม่รู้ตัวว่าร่างกายเข้าใกล้ภาวะวิกฤต ระบบหายใจล้มเหลว มีอาการปอดบวม
เพราะฉะนั้นวิธีที่จะรู้ว่าร่างกายพร่องออกซิเจนก็คือ การวัดระดับออกซิเจนปลายนิ้วเป็นประจำ ปกติระดับออกซิเจนในเลือดจะอยู่ประมาณ 95-100% แต่ถ้าต่ำกว่า 90% แสดงว่าเริ่มมีภาวะพร่องออกซิเจนแล้ว
ชนิดของภาวะพร่องออกซิเจน
พญ.สิรินาถ เรืองเผ่าพันธุ์ พยาบาลวิชาชีพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะพร่องออกซิเจนว่า สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด ดังนี้
1. ภาวะพร่องออกซิเจนซึ่งร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย (Hypoxic/Hypoxia) เป็นแบบที่พบได้บ่อยที่สุด มันเกิดจากความดันของออกซิเจนในถุงลมปอดลดลง เช่น การขึ้นไปอยู่ที่สูงอย่าง ภูเขา ยอดตึก หรือขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพราะความกดบรรยากาศลดลง ออกซิเจนจึงเบาบางลงไปด้วย
2. ภาวะพร่องออกซิเจนซึ่งมีสาเหตุจากเลือด (Hypemic Hypoxia) สาเหตุเกิดจากความบกพร่องในการพาออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น จำนวนเม็ดเลือดแดงลดลงจากโรคโลหิตจาง ภาวะผิดปกติของสารฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถจับออกซิเจนได้ตามปกติ รวมไปถึงการที่ร่างกายได้รับยาหรือสารพิษที่มีผลให้เม็ดเลือดแดงบกพร่องในการจับออกซิเจน
3. ภาวะพร่องออกซิเจนซึ่งมีสาเหตุจากการคั่งของกระแสเลือด (Stagnant Hypoxia) เกิดจากความบกพร่องในการไหลเวียนของเลือด เช่น แรงดันเลือดจากหัวใจลดลง เนื่องจากเป็นโรคหัวใจล้มเหลว เป็นต้น
4. ภาวะพร่องออกซิเจนซึ่งมีสาเหตุจากภาวะเป็นพิษของเซลล์ (Histotoxic Hypoxia) เกิดขึ้นจากการที่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายไม่สามารถนำเอาออกซิเจนไปใช้ได้ เนื่องจากได้รับสารพิษ เช่น แอลกอฮอล์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไซยาไนด์ เป็นต้น
ระดับความรุนแรงของภาวะเลือดพร่องออกซิเจน
ส่วนการแบ่งระดับความรุนแรงของภาวะเลือดพร่องออกซิเจน มีด้วยกัน 3 ระดับ คือ
- Mild hypoxemia : ระดับออกซิเจนอยู่ระหว่าง 60-80 มิลลิเมตรปรอท
- Moderate hypoxemia : ระดับออกซิเจนอยู่ระหว่าง 40-60 มิลลิเมตรปรอท
- Severe hypoxemia : ระดับออกซิเจนน้อยกว่า 40 มิลลิเมตรปรอท
ทั้งนี้ ในผู้สูงอายุมุากกว่า 60 ปี จะมีระดับลดต่ำลง 1 มิลลิเมตรปรอทต่ออายุที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 ปี
อาการของภาวะพร่องออกซิเจน
ภาวะพร่องออกซิเจนนับว่าอันตราย เพราะมักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่รู้สึกตัว (Insidious onset) จนหมดสติในที่สุด โดยทั่วไปมักแสดงอาการผิดปกติ ดังนี้
- ระบบประสาทส่วนกลาง พบ ความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง กระสับกระส่าย สับสน มึนศีรษะ ปวดศีรษะเนื่องจากหลอดเลือดสมองขยายตัว เพ้อ หมดสติ ชัก
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด พบ ชีพจรเต้นเร็วผิดปกติ ความดันโลหิตเพิ่มในระยะแรกเพื่อปรับชดเชย ต่อมา หัวใจเต้นผิดจังหวะ บีบตัวช้าลง เจ็บหน้าอกและหัวใจหยุดเต้นในระยะสุดท้าย
- ระบบการหายใจ พบ หายใจไม่สะดวก มีเสียงดัง ปีกจมูกบาน การหายใจเร็วหรือช้ากว่าปกติ ตื้นหรือลึกแล้วแต่สาเหตุ มีการหายใจแบบหิวอากาศ (air hunger) และใช้กล้ามเนื้อซี่โครงและไหล่ ในการช่วยหายใจจนหยุดหายใจในที่สุด
- ระบบผิวหนัง ระยะแรกผิวหนังเย็น ซีดเนื่องจาดหลอดเลือดหดตัว เพื่อปรับชดเชยให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ ต่อมา เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำและเสียชีวิตในที่สุด
- ระบบทางเดินอาหาร พบมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนในระยะแรก