ว่าด้วยเรื่องของสะสม แต่ละคนก็มีความชอบความสนใจต่างกันไป บ้างก็เป็นของชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างก็เป็นของชิ้นใหญ่ บ้างก็เป็นของมีคุณค่าทางใจแต่ไม่มีราคา แต่หลายอย่างก็เป็นทั้งของที่มีค่าทางใจและเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามีราคาด้วย อย่างเช่น สิ่งของที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ นั่นก็คือ พรมเปอร์เซีย หรือ Persian Carpet หรือ Persian Rug
พรมเปอร์เซียเป็นของขึ้นชื่อของจักรวรรดิเปอร์เซียที่ยังคงสืบทอดภูมิปัญญาและหัตถศิลป์อันทรงคุณค่านี้ผ่านกาลเวลา 2 พันกว่าปีมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากเป็นของสะสม เป็นสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านแล้ว พรมเปอร์เซียยังเป็นของที่มีมูลค่ามีราคา ทั่วโลกมีกลุ่มคนที่สะสมพรมเปอร์เซียอยู่จำนวนมาก และมีคอมมิวนิตี้ซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนพรมเปอร์เซียกันอย่างจริงจัง โดยเชื่อมต่อกันทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ในเมืองไทยเราก็มีกลุ่มคนที่สะสมพรมเปอร์เซียอยู่จำนวนหนึ่ง และในช่วงนี้มีการจัดนิทรรศการพรมเปอร์เซียหายากครั้งแรกในเมืองไทย ชื่องาน “Persian Carpets Private Collection” by “Art on da floor” จัดแสดงพรมเปอร์เซียหายากกว่า 30 ผืน ซึ่งบางผืนมีอายุกว่า 100 ปี
จิตรกร มงคลธรรม ผู้ก่อตั้ง Art on da floor ซึ่งเป็นคนสะสมพรมเปอร์เซียและเป็นผู้จัดงานนี้กล่าวว่า พรมเปอร์เซียเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา จนเป็นที่หมายปองของนักสะสมทั่วโลก ในเมืองไทยอาจจะยังเป็นเรื่องใหม่มาก แต่ทั่วโลกเป็นที่รู้กันว่าพรมเปอร์เซียเป็นสินทรัพย์ที่มีแวลูเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เขาบอกว่าโดยส่วนตัวเริ่มสนใจพรมเปอร์เซียจากการแต่งบ้าน แล้วเห็นว่าพรมเปอร์เซียเป็นงานอาร์ตอย่างหนึ่งที่ใช้ได้จริง สามารถสัมผัสได้ เดินเหยียบย่ำได้ จึงเริ่มสนใจสะสมมาเป็นเวลา 2 ปี ตอนนี้มีอยู่ประมาณ 50 ผืน ซึ่งจำนวนหนึ่งเป็นชิ้นหายากที่พูดออกไปแล้วคนในวงการจะต้องบอกว่าโชคดีจังเลยที่มีผืนนี้อยู่
จิตรกรให้ข้อมูลว่า มูลค่าของพรมเปอร์เซียจะเพิ่มขึ้นตามดีมานด์ ถ้าใครมีผืนที่เป็นที่ต้องการของตลาดก็จะได้ราคาสูง การพูดคุยซื้อ-ขายเกิดขึ้นผ่านทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยผู้ที่สนใจจะเสนอราคา หากเจ้าของพอใจราคาก็ขาย โดยส่วนตัวเขาเองจะขายก็ต่อเมื่อได้กำไรมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการจัดส่งสินค้านั้นใช้วิธีจัดส่งแบบของธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ และจะดีกว่าถ้าไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นของมีค่า เพราะถ้ามีคนรู้ว่าเป็นของมีค่ายิ่งจะน่าเป็นห่วง
“ถึงแม้พรมเปอร์เซียจะมีมูลค่าสูง แต่ถ้าใครสะสมเพื่อเป็นการลงทุนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้ชอบไม่ได้มีความหลงใหล อันนี้ไม่แนะนำ” จิตรกรบอก
วิคเตอร์ โบลลิเกอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งธนาคาร Eric Sturdza SA ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นนักสะสมพรมตัวยงมากว่า 20 ปี ได้นำพรมเปอร์เซียผืนใหญ่มาจัดแสดงในงานและเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย
วิคเตอร์ให้ข้อมูลว่า จุดเด่นของพรมเปอร์เซีย คือ ลวดลายอันอ่อนช้อยและเป็นเอกลักษณ์ที่มีการสืบทอดฝีมือและองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น บางผืนต้องใช้เวลาทำเป็นปีกว่าจะได้ชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบออกมา จึงทำให้พรมเปอร์เซียไม่ต่างกับงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซ
สำหรับเทคนิคในการเลือกลงทุนในพรมเปอร์เซีย วิคเตอร์เปรียบเทียบให้เห็นภาพตามมาว่า ไม่ต่างจากการซื้อเพชร ต้องเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น สถาบันการประมูล หรือตระกูลทำพรมเปอร์เซียที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ที่สำคัญต้องเลือกที่มีคุณภาพดี มีลวดลายที่สวยงามจึงจะไม่ต่างจากเพชรน้ำเอกที่ต่อให้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเลอค่าอมตะ
“ผมว่าการซื้อพรมเปอร์เซียก็เหมือนกับการซื้อเพชร จะรู้ได้อย่างไรว่าเม็ดไหนเป็นเพชรแท้ก็ต้องดูจากใบ certificate เลือกซื้อจากดีลเลอร์ที่ไว้ใจได้ ถ้าไม่มั่นใจแนะนำให้ประมูลจากบริษัทประมูลที่มีชื่อเสียง ที่สำคัญเมื่อได้แหล่งซื้อที่มั่นใจแล้ว แค่เลือกลายที่สวยงามถูกใจไม่พอ ถ้ามองไปถึงการลงทุนอาจต้องลงลึกไปถึงคุณภาพของชิ้นงาน ตั้งแต่รูปแบบลวดลาย กรรมวิธีการทอปม หรือ persian knot ยิ่งจำนวนปมเยอะก็ยิ่งสวยงามและทนทาน ดังจะเห็นว่าพรมเปอร์เซียบางผืนมีอายุเป็น 100 ปี ก็ยังสวยและใช้งานได้”
ในแง่ผลตอบแทน วิคเตอร์บอกว่า การลงทุนในงานศิลปะเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง อาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนเหมือนกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเป็นเจ้าของงานศิลปะต้องเลือกจากชิ้นที่ตัวเองชอบเป็นหลักก่อน จากนั้นค่อยคิดเผื่อถึงการลงทุนว่า ถ้าซื้อจากตระกูลที่มีชื่อเสียง มีกรรมวิธีการผลิตที่ประณีต ลวดลายสวยงาม และมีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ก็จะยิ่งเป็นที่ต้องการในตลาดนักสะสมมากกว่า
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องพรมเปอร์เซีย สามารถเข้าชมนิทรรศการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในเวลา 11.00-24.00 น. ณ ร้าน DUKE Contemporary Art Space ชั้น 1 ศูนย์การค้าเกษร วิลเลจ งานจะจัดแสดงจนถึงวันที่ 12 เมษายนนี้