เป็นอีกงานที่เตรียมโชว์ศักยภาพประเทศไทย พร้อมตอกย้ำในฐานะศูนย์กลางบริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพระดับโลก สำหรับ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เฮลธ์ แอนด์ เวลเนส โชว์เคส 2017” ที่ปีนี้จะจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
ธีมการจัดงานในปีนี้คือ “Thailand a Paradise for Longevity” นำเสนอสินค้าบริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของประเทศไทยแนวทาง Functional & Regenerative Medicine ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์แห่งศตวรรษ เน้นการรักษาสุขภาพเชิงป้องกันแบบบูรณาการ
“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า ประเทศไทยมีศักยภาพความพร้อมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียในเรื่องของการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพแนวทาง Functional & Regenerative Medicine ด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมาตรฐานโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI ระดับโลกถึง 58 โรงพยาบาล มากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ไทยยังเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่มีโรงพยาบาลเฉพาะทางด้าน Functional & Regenerative Medicine หรือสมุทัยเวชศาสตร์การแพทย์แบบบูรณาการที่มุ่งจัดการต้นเหตุของโรคและรักษาตามแนวทาง 4R คือ 1.Replace การเติมหรือทดแทนสิ่งที่ร่างกายขาด 2.Remove กำจัดของเสียหรือสารพิษ 3.Repair ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เสียหาย และ 4.Rebuild เสริมสร้างเซลล์ใหม่ เพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายไป
ขณะเดียวกัน ไทยยังเป็นศูนย์กลางของการบริการสุขภาพเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) แห่งภูมิภาคนี้ มีแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน American Academy of Anti-Aging Medicine Certified จำนวน 500 คน ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนี้ ไทยยังมีห้องปฏิบัติการแล็บตรวจสุขภาพ Functional and Preventive Medicine ขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่ง
“ปลายปีนี้เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ จะเปิดตัว BDMS Wellness Center ศูนย์สุขภาพเวชศาสตร์ชะลอวัย, ระบบประสาทและสมองครบวงจรระดับพรีเมี่ยมแห่งแรกของเอเชียอีกด้วย”
ไม่เพียงแค่นี้ ประเทศไทยยังมี รีสอร์ตสุขภาพและศูนย์ล้างพิษชื่อดังระดับโลกมากมาย ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ จนได้รับการขนานนามจากสื่อและเว็บไซต์ด้านสุขภาพทั่วโลกว่าเป็น Detox Paradise จุดหมายปลายทางของการล้างพิษเพื่อสุขภาพ
และมี Senior Nursing Care Center รีสอร์ตสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยมาตรฐานการดูแลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในหลากหลายโลเกชั่น ทั้งในเมืองใหญ่ ริมทะเล หรือป่าเขา
สำหรับกิจกรรมในงานครั้งนี้ ประกอบไปด้วย การบรรยายสรุป ศักยภาพความพร้อมของไทยในฐานะที่เป็นฮับสุขภาพ งานประชุมเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้านบริการสุขภาพของไทย กับตัวแทนขายธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จากทั่วโลก และการจัดแสดงนวัตกรรมการตรวจสุขภาพแนวใหม่ ฯลฯ
โดยงานในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากตัวแทนขาย Medical Tourism Agency และสื่อ 123 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยผู้ประกอบการไทยจำนวน 44 ราย มาร่วมโชว์ศักยภาพประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางบริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพระดับโลก
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า ปี 2559 มีชาวต่างชาติรับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย 3.2 ล้านคน โดยตลาด “เมดิคอลทัวริซึ่ม” ทำรายได้เฉพาะค่ารักษาพยาบาลปีละไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่รวมรายได้อื่นที่เกี่ยวเนื่อง (ท่องเที่ยว โรงแรม รถเช่า ร้านอาหาร ของที่ระลึก) อัตราการขยายตัวของรายได้โรงพยาบาลเอกชนในปี 2560 และถัดไปในระยะข้างหน้าจะถูกขับเคลื่อนโดยรายได้จากลูกค้าต่างชาติ
“ภาพรวมรายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มาจากกลุ่มคนไข้ต่างชาติมีสัดส่วนขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 คิดเป็น 10-12%”
และล่าสุดรัฐบาลได้เพิ่มมาตรการส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยการขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยเพิ่มมากขึ้นรวม 90 วัน สำหรับกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และจีน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมารับการรักษาพยาบาลในไทย และขยายระยะเวลาพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) เป็นเวลา 10 ปี ให้แก่ชาวต่างชาติจาก 14 ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส อเมริกา ฯลฯ
ซึ่งทั้ง 2 มาตรการจะช่วยส่งเสริมให้การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลกของประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศมากยิ่งขึ้น
จึงเชื่อมั่นว่า งาน Amazing Thailand Health and Wellness Showcase 2017 ในปีนี้ จะช่วยสร้างรายได้ให้กลุ่มผู้ประกอบการมูลค่าราว 500 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 30% จากการจัดงานในปี 2558 ที่ผ่านมา ขณะที่รายได้จากตลาดเมดิคอลทัวริซึ่ม คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 3.2 แสนล้านบาท ติดใน 5 อันดับแรกของโลก คิดเป็นสัดส่วนราว 8-10% ของรายได้ท่องเที่ยวไทยทั้งหมด และคาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในระยะยาว