มาตรการฟรีวีซ่าดันนักท่องเที่ยวทะลุ38ล้านคน โกยรายได้จากต่างชาติ2.2ล้านล.

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สทท.ชี้ดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยว Q4/61 พุ่งรับไฮซีซั่น มาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าช่วยดันรายได้เพิ่มอีก 5.6 หมื่นล้านบาท มั่นใจสิ้นปียอดนักท่องเที่ยวทะลุ 38.25 ล้านคน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 2 ล้านล้านบาทตามเป้า หนุนปีหน้ารายได้ท่องเที่ยวขยายตัว 12%
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ล่าสุดดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบท่องเที่ยวไตรมาส 4/2561 กลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 2 และ 3 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ทำให้ สทท.ประเมินว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยปีนี้ ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้นประมาณ 38.25 ล้านคน หรือเติบโตเฉลี่ย 8.08%

ไฮซีซั่น-โลว์คอสต์แอร์ไลน์หนุน

โดยสร้างรายได้รวมจากตลาดต่างประเทศ 2.03 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.29% เทียบกับปี 2560 มาจากหลายปัจจัย และเป็นช่วงเข้าสู่ไฮซีซั่นการท่องเที่ยว การขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์)

รวมถึงมาตรการของภาครัฐที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ visa on arrival ที่กำหนดใช้ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2561-13 มกราคม 2562 และ double entry visa ที่คาดว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 37.19 ล้านคน ในช่วงไตรมาส 3 เป็น 38.25 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 1.06 ล้านคน คิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะยังขยายตัวต่อเนื่องต่อไปถึงช่วงไตรมาส 1/2562 หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นคาดว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.85% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าภาพรวมของปี 2562 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมที่ราว 40.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.54% และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2.29 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 12.81% เมื่อเทียบกับปี 2561

ท่องเที่ยวสร้างเศรษฐกิจปีหน้า

นายชัยรัตน์กล่าวต่อไปว่า สทท.เชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวจะยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมและจีดีพีของประเทศต่อไปได้ รวมทั้งเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของคนในประเทศได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่ง สทท.ในฐานะภาคเอกชนจึงได้เตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ เพื่อให้การท่องเที่ยวได้เข้าไปมีบทบาทในการขับเคลื่อนการทำงานของหลาย ๆ กระทรวง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม, คมนาคม, เกษตรฯ, มหาดไทย, สาธารณสุข, ทรัพยากรธรรมชาติฯ ฯลฯ ล่าสุด สทท.ได้เข้าพบทีมบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อศึกษารายละเอียดว่าจะเข้าไปช่วยทำอะไรได้บ้าง

“ตอนนี้ทุกกระทรวงเข้ามาทำงานในด้านการท่องเที่ยวกันมากขึ้น ซึ่ง สทท.มองว่าวันนี้ เรามีสมาชิกที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในทุกแขนงอยู่ทั่วประเทศ เข้ามาช่วยงานของภาคเอกชนในกระทรวงต่าง ๆ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น” นายชัยรัตน์กล่าวและว่า

พร้อมกันนี้ สทท.จะคงเดินหน้าดำเนินการเรื่องการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดย สทท.จะเป็นหน่วยงานดูแลและตั้งมาตรฐานต่าง ๆด้วย รวมถึงอาจเข้าไปดูแลมาตรฐานที่กรมการท่องเที่ยวกำหนดไว้

มาตรการฟรีวีซ่าได้ผลชะงัด

ด้านนายสุรวัช อัครวรมาศ เลขาธิการ สทท. และอุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวเสริมว่า มาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าหน้าด่าน (VOA) ของภาครัฐมีผลช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดการเดินทางเข้ามามากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง (FIT) และกรุ๊ปทัวร์ โดยเฉพาะตลาดจีน ทำให้เชื่อว่าปีนี้ตัวเลขรวมนักท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10.5 ล้านคน ตามคาดการณ์ได้

“ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ที่ผ่านสมาคมแอตต้าล่าสุดในเดือนธันวาคมนี้ ยังติดลบอยู่ที่กว่า 10% แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าห่วงมากนัก เมื่อเทียบกับในช่วง 3-4 เดือนที่ตัวเลขเราตกไปถึง 30-40%” นายสุรวัชกล่าว

สอดรับกับ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของ ททท. จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2561 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด 3.04 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน และรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 1 ล้านล้านบาท

ปี 2562 ททท.ตั้งเป้าโต 10% 

สำหรับปี 2562 ททท.ตั้งเป้าว่าจะมีจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่ม 10% กล่าวคือ มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 3.38 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.2 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน และรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศ 1.18 ล้านล้านบาท ซึ่ง ททท.จะเน้นการทำรายได้จากการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปมากกว่าการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ในปี 2562 ททท.ตั้งเป้าจะแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างการกระจายการท่องเที่ยวให้มากขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งในเชิงพื้นที่และเวลา โดยการผลักดันการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่นและนโยบายเมืองรองอย่างต่อเนื่องต่อไป แม้ในปีหน้าจะมีความท้าทายด้านการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เที่ยวในประเทศ เนื่องจากสายการบินโลว์คอสต์ปรับลดราคา และเปิดเส้นทางบินใหม่สู่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยหลายเส้นทาง รวมถึงมีสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจโลกและการตัดสินใจท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม ททท.มั่นใจว่าการเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!