“เจ้าพระยาริเวอร์ไลน์”ส่ง Boat4U สู้ศึกเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา

น้องใหม่ - Boat 4U เรือนำเที่ยวแบบ Hop on Hop off ในแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแล้ว
“เจ้าพระยา ริเวอร์ ไลน์” น้องใหม่ธุรกิจริมแม่น้ำทุ่ม 130 ล้าน ดันแบรนด์ “Boat 4U” สู้ศึกให้บริการเรือ Hop on Hop off ในแม่น้ำเจ้าพระยา ชูจุดเด่นด้านความปลอดภัย แถมประกันการเดินทางทุกที่นั่ง พร้อมเตรียมจับมือรถบัสซิตี้ทัวร์ขายตั๋วร่วมแบบคอมโบก่อนลุยขยายธุรกิจริมแม่น้ำครบวงจร ตั้งเป้า 3 ปีเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ


นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยา ริเวอร์ ไลน์ จำกัด ผู้บริหาร Boat 4U เรือนำเที่ยวแบบ Hop on Hop off เปิดเผยว่า บริษัทมองเห็นโอกาสในการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดตัวของไอคอนสยามที่โตเป็น 2 เท่าจึงได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 130 ล้านบาทต่อเรือใหม่ 4 ลำ สำหรับให้บริการเรือโดยสารแบบ Hop on Hop off ในแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าสาทร-ท่าพระปิ่นเกล้า โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งจากยุโรปอเมริกา และจีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยในช่วงแรกนี้บริษัทจะเริ่มให้บริการด้วยเรือ 2 ลำ ให้บริการทุก 30 นาทีี และหากเสร็จครบ 4 ลำในเดือนเมษายนนี้จะลดเวลารอเหลือเพียง 15 นาที

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผู้ใช้บริการหลังเปิดให้บริการจะมีจำนวนประมาณ 4,000 คนต่อวัน สร้างยอดขาย 5 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 60 ล้านบาทในปีแรกและเชื่อว่าจะสามารถสร้างกำไรได้ภายใน 5-6 ปี

นายวสันต์กล่าวด้วยว่า แม้ตลาดเรือนำเที่ยวแบบ Hop on Hop off จะมีผู้ให้บริการที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ในตลาดอยู่แล้ว แต่ตนมองว่าตลาดเรือนำเที่ยวแบบ Hop on Hop off ในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่ยังสามารถเพิ่มจำนวนผู้เล่นในตลาดได้อีกมาก นอกจากนั้น บริเวณจุดจอดของแต่ละผู้ให้บริการก็แตกต่างกัน โดยจุดแข็งที่ Boat 4U จะใช้ในการแข่งขันในตลาดนี้ คือ องค์ประกอบ 3S อันได้แก่ safety, smart และ serviceโดย Boat 4U ได้เลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมในการต่อเรือแบบคาตามารัน2 เครื่องยนต์ ทำให้เรือมีน้ำหนักเบา แข็งแรง มีเครื่องยนต์ฉุกเฉินผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน และมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย พร้อมทั้งพนักงานที่ได้รับการอบรมด้านความปลอดภัยรวมถึงมี “ประกันเดินทาง” วงเงินคุ้มครอง 1 แสนบาทให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางกับ Boat 4U นอกจากนั้น บริษัทยังได้ติดตั้ง GPS เพื่อแสดงข้อมูลบนหน้าจอแอลซีดีได้ตรงจุด พร้อมบริการขายบัตรโดยสารผ่านหลากช่องทาง ทั้งทางเว็บไซต์และ OTA ต่าง ๆ

“เรากำลังเจรจากับผู้ให้บริการรถHop on Hop off ในกรุงเทพฯ 2 รายเพื่อหาคู่ค้าทำตั๋วร่วมบริการแบบคอมโบให้ลูกค้าซื้อ 1 ครั้ง เดินทางได้ทั้งรถโดยสารและเรือโดยสาร โดยจะพิจารณาจากผู้ให้บริการรถที่สามารถอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้บริการได้สูงสุด และให้บริการผ่านเครือข่ายการซื้อขายบัตรของ iVENTURE ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปได้ภายในเดือนนี้” นายวสันต์กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้มองไปถึงการขยายธุรกิจท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างครบวงจร เพื่อสร้างรายได้อย่างน้อย 500 ล้านบาท สำหรับการก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน3 ปี โดยมีแนวคิดที่จะขยายการให้บริการไปสู่การให้บริการโป๊ะเรือท่าเรือ รวมถึงการให้บริการเรือโดยสารประจำทางริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะใช้เรือต่อใหม่ในการให้บริการเพื่อเชื่อมต่อจุดจอดบีทีเอสที่กำลังจะมีจุดตัด 6 จุดทั่วเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาและในระยะยาวนั้นบริษัทยังได้มองไปถึงการสร้างอู่ต่อเรือและคนเรือที่มีความรู้ เพื่อรองรับการขยายกิจการต่อไปอีกด้วย