‘เศรษฐกิจ-ค่าเงินบาท’ พ่นพิษ ความท้าทาย(เดิม ๆ) อุตฯท่องเที่ยวปี ’63

ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย สำหรับปี 2562 ที่ผ่านมา พลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีไปราว ๆ 3 แสนล้านบาท จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ที่รายได้รวม 3.3-3.4 ล้านล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวรวมอยู่ในระดับที่ราว 40.5-41 ล้านคน

ล่าสุด “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประมาณการภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวตลอดปี 2562 ว่า ประเทศไทยน่าจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวประมาณ 3.06 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ 39.77 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 4% สร้างรายได้ประมาณ 1.96 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% เช่นกัน

ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศหรือตลาดไทยเที่ยวไทย จะอยู่ที่ระดับ 167 ล้านคนครั้ง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% และสร้างรายได้มูลค่า1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%

“อินเดีย” ขยับขึ้นท็อป 3

จากข้อมูลเบื้องต้นของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ในช่วง 11 เดือนของปี 2562 (มกราคม-พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 35.86 ล้านคน สร้างรายได้ 1.72 ล้านล้านบาท โดยภูมิภาคที่เติบโตดี คือ เอเชียใต้ ที่ขยายตัวถึง 21.9% ส่วนภูมิภาคอื่น ๆ พบว่าขยายตัวอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ได้แก่ เอเชียตะวันออก ขยายตัว 5.28%,อเมริกา ขยายตัว 2.38% ในขณะที่ยุโรป แอฟริกา โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง ลดลง 1.15%, 2.49%, 3.72% และ 5.56% ตามลำดับ

โดยตลาดที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด คือ ตลาดจีน จำนวน 10.14 ล้านคน มีรายได้ 5.05 แสนล้านบาท รองลงมาคือ มาเลเซีย 3.64 ล้านคน มีรายได้ 9.33 หมื่นล้านบาท อินเดีย 1.8 ล้านคน มีรายได้ 7.76 หมื่นล้านบาท เกาหลี 1.7 ล้านคน มีรายได้ 6.75 หมื่นล้านบาทลาว 1.68 ล้านคน มีรายได้ 4.96 ล้านบาทและญี่ปุ่น 1.64 ล้านคน มีรายได้ 8.13 หมื่นล้านบาท

ในปัจจัยลบยังมีปัจจัยบวก

ผู้ว่าการ ททท.ให้ข้อมูลว่า ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้มีหลายประการ ตั้งแต่การชะลอตัวของตลาดยุโรป และโอเชียเนีย ตามภาวะเศรษฐกิจ การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลต่อความระมัดระวังในการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว การประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อกว่า 6 เดือน การล้มละลายของบริษัททัวร์ Thomas Cook ในสหราชอาณาจักร และเยอรมนี รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลให้อำนาจการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศลดลง

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เติบโตจากการขยายเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (VOA) ไปจนถึง 30 เมษายน 2563 ซึ่งคาดว่าจะส่งอานิสงส์ร่วมกับการฟื้นตัวของตลาดจีน รวมถึงตลาดอินเดีย ให้มีการเติบโตในอัตราสูง

ประกอบกับยังมีอิทธิพลของการพัฒนาเส้นทางคมนาคมระหว่างประเทศ เช่น เปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2, เปิดใช้ถนนเส้นทางหลวงหลายเส้นทาง และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยจากการกลับมาปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย

“คนไทย” แห่เที่ยวนอก

สำหรับตลาดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทยนั้น “ยุทธศักดิ์” บอกว่า ปีนี้อัตราการเติบโตค่อนข้างน้อย เนื่องจากคนไทยยังคงหวั่นวิตกความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ จึงระมัดระวังการใช้จ่ายและปรับพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวเป็นการเดินทางระยะใกล้ ๆ ลดจำนวนวันเดินทางลง หรือเปลี่ยนเป็นเดินทางเช้าไปเย็นกลับแทน

นอกจากนั้น คนไทยให้ความสนใจกับการท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยมีอัตราการขยายตัวถึงราว 10% และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จำนวนคนไทยเที่ยวต่างประเทศน่าจะอยู่ที่ราว 12.27 ล้านคน จากการทำตลาดอย่างหนักของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับความนิยมจากคนไทย อาทิ ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีใต้ ลาว และไต้หวัน บวกกับการเปิดเส้นทางใหม่ของสายการบิน และค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องยังเอื้อให้คนไทยจับจ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น

“ไทยเที่ยวไทย” โตแค่ 1-2%

อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศนั้นพบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลาง ยังคงมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเติบโตอยู่ระหว่าง 1-2% ในขณะที่รายได้เติบโตประมาณ 4-5% จากปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง อาทิ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวชิม ช้อป ใช้, 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย และวันธรรมดา ราคา Shock โลกรวมถึงการขยายเส้นทางการบินเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค อาทิ เส้นทางพัทยา-เชียงใหม่, เส้นทางภูเก็ต-เชียงราย

โดยพื้นที่ระยะใกล้ที่ได้รับความนิยมได้แก่ พระนครศรีอยุธยา, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, จันทบุรี, ชลบุรี, นครนายก, กาญจนบุรี, นครราชสีมา, สุพรรณบุรี และสระบุรี ขณะที่เมืองรองที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช อุดรธานี ลพบุรี สุพรรณบุรี และพิษณุโลก

คาดแนวโน้มปี”63 โตแค่ 4%

สำหรับภาพรวมในปี 2563 นี้ “ยุทธศักดิ์”คาดการณ์แนวโน้มว่า ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะเติบโตในระดับใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ผ่านมา โดยตลาดต่างประเทศคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 40.8 ล้านคน เติบโต 2.5%และสร้างรายได้ประมาณ 2.02 ล้านล้านบาท เติบโต 3% ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย คาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 172 ล้านคนครั้ง เติบโต 3% เกิดการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศไทยเป็นมูลค่า 1.16 ล้านล้านบาท หรือเติบโต 5% ส่งผลให้เกิดรายได้รวม ประมาณ 3.18 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 4%

โดยประเมินว่า ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดี คือ ตลาดในกลุ่มประเทศใน CLMV, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, เกาหลี, ไต้หวัน, อินเดีย, สเปน, ยุโรปตะวันออก, อิสราเอล และสหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกันก็มีหลายตลาดที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อาทิ จีน, สิงคโปร์ และตะวันออกกลาง ส่วนตลาดที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ได้แก่ ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, ยุโรป, สแกนดิเนเวีย, ออสเตรเลีย และละตินอเมริกา

ทั้งนี้ มองว่าปัจจัยสนับสนุนที่จะเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นตลาดของการท่องเที่ยวไทยก็ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล 16 มาตรการ เช่น เพิ่มร้านค้าและจุดคืน VAT refund, ขยายเวลาเปิดด่านชายแดนมาเลเซีย และลาว เป็น 24 ชั่วโมง ในช่วงวันหยุด, การขยายเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (VOA) รวมถึงมีการขยายการเส้นทางบินใหม่หลายเส้นทาง อาทิ หางโจว-เชียงราย, เซนได-กรุงเทพฯ, มิวนิก-ภูเก็ต และโดฮา-เชียงใหม่ เป็นต้น

นอกจากนั้นยังมีเมืองรองที่เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามลำดับ

“ยุทธศักดิ์” ย้ำว่า แม้ปีหน้าจะยังคงมีปัจจัยท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจของประเทศลูกค้าหลักอย่างจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร รวมถึงแนวโน้มค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง รวมถึงกิจกรรมระดับ world event ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้หันสู่จุดหมายปลายทางอื่น ๆไม่ว่าจะเป็น โอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น,เวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) จะทำให้เกิดการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นแน่นอน

ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายสำหรับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย สำหรับปี 2563 นี้เป็นอย่างยิ่ง…