ชี้ปี”63 นักท่องเที่ยวทะลักญี่ปุ่น ททท.สั่งสนง.โตเกียวทำแผนดึงเที่ยวไทย

“ททท.” มองข้ามชอต ! เผยปี 2563 ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัด “โอลิมปิก 2020” นักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลกทะลักกรุงโตเกียว-เมืองรองญี่ปุ่นแน่นอน สั่งสำนักงานกรุงโตเกียวทำแผนโปรโมตดึงเที่ยวไทยต่อ พร้อมผุด 2 โครงการใหม่รับปี”61 “โอเพ่น ทู เดอะ นิว เฉด ออฟ ไทยแลนด์” ปั้นจุดขายใหม่ ๆ มัดใจกลุ่มเดินทางซ้ำ และ “โครงการสนามแม่เหล็กท่องเที่ยว” โปรโมตท่องเที่ยวเมืองรอง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้มอบหมายให้ ททท.สำนักงานกรุงโตเกียวศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์และโอกาสการนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวไทยในช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 2020 ที่กรุงโตเกียว โดยคาดการณ์ว่าในช่วงดังกล่าวจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมาก

โดยทางกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง และการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2020 จะมียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาญี่ปุ่นรวม 40 ล้านคน ขณะที่ปีนี้ คาดมีมากกว่า 25 ล้านคน

คาดนักท่องเที่ยวทะลักจากญี่ปุ่น

“นับเป็นโอกาสดีในการโปรโมตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้ว่าสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวต่อที่ประเทศไทยได้ ทั้งในช่วงก่อนและหลังการจัดกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้กลุ่มบริษัทเจทีบี บริษัทท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการประเมินว่าในช่วงจัดโอลิมปิกจะมีการกระจายของผู้คนไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างไรบ้าง เพราะแค่กรุงโตเกียวอย่างเดียวอาจรองรับจำนวนคนเดินทางเข้ามาได้ไม่เพียงพอ

นอกจากนี้ยังประเมินด้วยว่าชาวญี่ปุ่นจะเดินทางออกไปยังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน รวมถึงคนต่างจังหวัดของญี่ปุ่นเองจะเข้าไปมีประสบการณ์ร่วมในการเป็นเจ้าภาพที่กรุงโตเกียวมากน้อยแค่ไหน เป็นจุดที่ ททท.กำลังประเมินและหารือร่วมกับเจทีบี เพื่อจัดทำแผนการตลาดและโปรโมตเสนอขายแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างถูกจุด

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้วางยุทธศาสตร์เพื่อก้าวขึ้นเป็นชาติผู้นำด้านการท่องเที่ยว เทียบเคียงกับฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา ด้วยการอาศัยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกสบาย และกำหนดนโยบายให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดคนจากทั่วโลกเพื่อมาชมการแข่งขันกีฬา ซึ่งจากประเทศอื่น ๆ ที่มุ่งโปรโมตให้คนทั่วโลกมาชมการแข่งขันกีฬาเป็นหลัก

เร่งพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวรับ

นายยุทธศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 21-24 กันยายนที่ผ่านมา ททท.ได้ร่วมออกบูทและนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยจำนวน 10 ราย เข้าร่วมงานทัวริซึ่ม เอ็กซ์โป เจแปน (TEJ) ณ โตเกียว บิ๊กไซต์ กรุงโตเกียว โดยนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นถือเป็นตลาดสำคัญและมีศักยภาพในการใช้จ่าย และในโอกาสความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่นครบรอบ 130 ปี ททท.กับสมาคมบริษัทส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JATA) ได้ร่วมมือกันพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ ๆ รวม 6 เส้นทาง

โดยชูจุดขายว่าไทยมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาไทยซ้ำมากถึง 77% เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวไทยเรื่อย ๆ เช่น เส้นทางดอกไม้, เส้นทางท่องเที่ยวสำหรับผู้หญิง และเส้นทางถ่ายภาพ

“ตอนนี้หลาย ๆ ประเทศต่างแข่งขันดึงชาวญี่ปุ่นไปเที่ยวกันรุนแรงมากขึ้น เช่น ฟิลิปปินส์ที่ชูความโดดเด่นสินค้าหาดทรายชายทะเล รวมไปถึงเวียดนามเองที่ได้ฐานนักเดินทางเพื่อธุรกิจ พาครอบครัวไปเที่ยวเวียดนามมากขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นเอง รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น จึงถือเป็นความท้าทายของ ททท.ในการทำตลาดญี่ปุ่นอย่างมาก”

ญี่ปุ่นเที่ยวไทยปีนี้ 1.5 ล้านคน

สำหรับภาพรวมยอดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยในปีนี้ ททท.วางเป้าหมายไว้ที่ 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งปิดไป 1.4 ล้านคน หลังตัวเลขตั้งแต่ 1 มกราคม-19 กันยายน 2560 มีชาวญี่ปุ่นมาไทยแล้วกว่า 1.1 ล้านคน ขณะที่รายได้ คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งปิดที่ 6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท ในปี 2561

ผู้ว่าการ ททท.กล่าวด้วยว่า ในปี 2561 ททท.เตรียมแผนกลยุทธ์เจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยการนำสินค้าท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันมาพัฒนาปรับเพิ่มรายละเอียดให้ลึกซึ้งขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้มีความหลากหลาย ภายใต้แคมเปญชื่อ “โอเพ่น ทู เดอะ นิว เฉด ออฟ ไทยแลนด์” เบื้องต้นมีสินค้านำร่อง เช่น เส้นทางอาหาร นำเสนออาหารแบบเจาะลึกอย่างส้มตำดอกไม้กับเมี่ยงใบบัว ฯลฯ

อัดแคมเปญดึงกลุ่มเดินทางซ้ำ

คาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะช่วยจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มเดินทางซ้ำซึ่งมีสัดส่วนกว่า 65% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และทำให้ภาพรวมรายได้ท่องเที่ยวในปีหน้าถึง 3.03 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2.76 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ในปี 2561 ททท.จะให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาโครงสร้างตลาด ผ่านอีกโครงการใหม่คือ สนามแม่เหล็กท่องเที่ยว มุ่งดึงดูดและกระตุ้นดีมานด์ให้นักท่องเที่ยวกระจายการเดินทางและการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวไปยังเมืองรองและชุมชนมากขึ้น ด้วยการสร้างแม่เหล็กต่าง ๆ เช่น กิจกรรม อีเวนต์น่าสนใจ ให้ความสำคัญตามการจัดโซนนิ่ง 3 โซน เมืองท่องเที่ยวที่คนยังไปน้อย ก็จะให้ความสำคัญก่อน

โดยหลักการของโครงการ “สนามแม่เหล็ก” นั้น ททท.จะเน้นสินค้าด้านอาหารการกิน, การจัดประชุมสัมมนา (ไมซ์) โดยได้หารือกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือทีเส็บ เกี่ยวกับการส่งเสริมให้ดึงงานประชุมไปจัดในเมืองรอง และความสนุกสนานของเทศกาลอีเวนต์ต่าง ๆ