แม้ว่าที่ผ่านมาภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะตลาดอินบาวนด์ หรือนักท่องเที่ยวขาเข้าจะยังคงสถานะเป็น “0” คือ กลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจริง ๆ นั้น ยังไม่มีเข้ามา เนื่องจากยังติดกฎเกณฑ์เรื่องการกักตัว 14 วัน
แต่ในฟากของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องนั้นได้พยายามปลดล็อกเงื่อนไขการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของชาวต่างชาติมาเป็นระยะ ด้วยการเปิดให้เข้ามาแบบ “เฉพาะกลุ่ม” อาทิ กลุ่มรักษาพยาบาล, กลุ่มนักกีฬา, กลุ่มนักธุรกิจ, กลุ่มประชุมสัมมนา, กลุ่มถ่ายทำภาพยนตร์, กลุ่มสมาชิกบัตรอีลิทการ์ด, กลุ่มลองสเตย์ หรือกลุ่มที่มาพำนักยาว ฯลฯ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
และล่าสุดคือ การปลดล็อกเกณฑ์เรื่อง “วีซ่า” โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวจาก 56 ประเทศ (ผ.30) เข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ยังต้องเข้ามากักตัว 14 วัน ตามมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยด้านสาธารณสุข
อำนวยความสะดวก
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) หรือสมาคมทัวร์อินบาวนด์ (ขาเข้า) ถึงแนวทางการปลดล็อกเรื่องวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว 56 ประเทศไว้ดังนี้
“วิชิต” บอกว่า แนวทางดังกล่าวเป็นการเพิ่มความอำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาอยู่ระยะยาวมากกว่าการมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยว เพราะแม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศจะปลดล็อกโดยที่นักท่องเที่ยวไม่ต้องไปติดต่อยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตไทยในต่างประเทศ แต่รัฐบาลยังคงใช้มาตรการให้ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยยังต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเหมือนเดิม
ชี้นักท่องเที่ยวทั่วไปยังไม่มา
ดังนั้น หากถามว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเดินทางเข้ามามากขึ้นหรือไม่ ส่วนตัวยังมองว่าคงมีเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่จำนวนก็จะยังคงไม่มากแบบเป็นนัยสำคัญนัก เนื่องจากยังมีข้อจำกัดเรื่องของการกักตัว ยกเว้นกลุ่มลองสเตย์ กลุ่มเกษียณอายุ หรือกลุ่มที่ปกติหนีหนาวมาอยู่เมืองไทย 3 เดือน 6 เดือน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มนี้ก็อยู่ในกลุ่มที่ได้รับการอำนวยความสะดวกอยู่แล้ว
“กลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ปกติจะมีวันหยุด 15 วัน-1 เดือน นิยมเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น ๆ มีสัดส่วนประมาณ 95% หากยังต้องเข้ามากักตัว 14 วัน คงยังไม่มา”
และมองว่ามาตรการนี้เป็นการผ่อนเกณฑ์ที่ทำให้บรรยากาศการเดินทางเข้าประเทศไทยดีขึ้น ที่สำคัญจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มที่มีความจำเป็นและมีความต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มที่รัฐบาลได้เปิดรับไปก่อนหน้านี้แล้วเป็นหลัก
เชื่อได้หลักหมื่นคนต่อเดือน
แน่นอนว่าจากปกติที่มีจำนวนชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนประมาณหลักพันคนอาจเพิ่มเป็นหลักหมื่นคนต่อเดือนได้ ซึ่งหากจะลุ้นให้กลับมาสู่ภาวะปกติที่มีจำนวนเป็นหลัก 2-3 ล้านคนนั้นยังจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรอวัคซีน ซึ่งก็คงต้องลุ้นกันในช่วงปลายปีหน้า
“วิชิต” บอกด้วยว่า สมาคม ATTA เห็นด้วยอย่างยิ่งที่รัฐพยายามอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทย เพราะสุดท้ายแล้วภาคการท่องเที่ยวบางเซ็กเตอร์ อาทิ โรงแรม, ร้านอาหาร, สายการบิน ฯลฯ ก็ได้รับอานิสงส์บ้าง แม้ว่าจะยังไม่ได้เต็มที่นักก็ตาม
“เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลยังไม่ปลดล็อกเรื่องการกักตัว ผมว่ากลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปที่บอกว่ามีจำนวนประมาณ 95% นั้นก็ยังคงไม่สะดวกที่จะเดินทางเข้ามา และแน่นอนว่ารายได้จากการท่องเที่ยวอาจเพิ่มจาก 1% เป็น 2-3% แต่ก็ยังคงไม่ได้มากนัก”
พร้อมบอกว่า หากต้องการให้ตัวเลขการใช้จ่ายของชาวต่างชาติมีนัยสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างน้อยก็น่าจะต้องมีหลักแสนคนต่อเดือนหรือไม่ต่ำกว่า 10% ของภาวะปกติ คือ จากปกติ 3 ล้านคนต่อเดือน ก็ต้องทำให้ได้ประมาณ 3 แสนคนต่อเดือน ซึ่งคาดว่าตัวเลขดังกล่าวนี้น่าจะกลับมาได้หลังจากที่ทั่วโลกมีวัคซีนแล้ว
ดันไม่กักตัวประเทศเสี่ยงต่ำ
“วิชิต” ยังบอกอีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับสมาคม ATTA นั้นก็ยังคงพยายามนำเสนอข้อมูลตลาดต่างประเทศต่อภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้รัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และไม่มีการแพร่ระบาดภายในประเทศเกิน 150 วัน โดยไม่มีการกักตัว 14 วัน ตามที่สมาคม ATTA ได้นำเสนอไปแล้ว
เพราะเชื่อว่ายังเป็นทางออกเดียวที่จะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ง่ายที่สุด และเหมาะสมกับพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มากที่สุด และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน
“อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่า กลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ 8 ประเทศในเอเชีย มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เคยมาไทยรวมกันไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน หรือประมาณ 40% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ในจำนวนนี้หากเราเข้มงวดหน่อยเอามาสักครึ่งหนึ่งก็ได้ 20% ก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควรทีเดียว”
ชงขอรัฐช่วย 4 เรื่องหลัก
ต่อคำถามที่ว่า จากบรรยากาศโดยรวมที่ดีขึ้นทั้งเรื่องความพยายามในการไล่ปลดล็อกเงื่อนไขเข้าประเทศของรัฐบาล รวมถึงข่าววัคซีนที่น่าจะมาเร็วขึ้น น่าจะทำให้บรรยากาศการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ไหม นายกสมาคม ATTA บอกว่า ทุกอย่างน่าจะยังต้องรอกลางปีหน้า เพราะแม้จะมีข่าววัคซีนออกมาบ้างแล้วและเริ่มฉีดแล้วในบางประเทศ แต่ก็ยังแค่เริ่มต้นและน่าจะครอบคลุมขึ้นในช่วงกลางปีหน้าเป็นต้นไป
ดังนั้น ขณะนี้ทางสมาคม ATTA จึงได้เตรียมทำหนังสือเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ, กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ เพื่อขอให้สนับสนุนและเยียวยาภาคธุรกิจท่องเที่ยวในปี 2564 นี้ ใน 4 เรื่องใหญ่ ๆ ได้แก่
1.ตั้งกองทุนท่องเที่ยว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ
2.สนับสนุนซอฟต์โลน หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี
3.ขยายเวลาชำระหนี้สำหรับปี 2564
และ 4.สนับสนุนการจ้างงานด้วยการอุดหนุนค่าแรง 50% ให้แรงงานในภาคธุรกิจท่องเที่ยวเหมือนกับที่หลาย ๆ ประเทศดำเนินการไปแล้ว
โดยแนวทางทั้งหมดนี้ทางสมาคม ATTA จะนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ภาคท่องเที่ยวยังคงอยู่รอดและเดินต่อไปได้…