ช่วง 24-25 มิถุนายนที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเปิดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วภายใต้โครงการ “ภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์” ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในทุกส่วนกันอย่างคึกคัก
นำโดย “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ “บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและรอต้อนรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้อีกครั้ง
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 พ.ค. 2567
- เปิด 20 อันดับมหาวิทยาลัย ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในปีนี้
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ “ร้อยตรีหญิงจุฑารัตน์ เพชรโสม” เป็นร้อยโทหญิง
• เปิด 5 เงื่อนไขยกเลิก “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์”
• ภูเก็ตแซนด์บอกซ์เนื้อหอม ต่างชาติแห่จองตั๋วบินแล้ว 300 ไฟลต์
“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมร่วมกับตัวแทนของ ททท. กระทรวงมหาดไทย ท่าอากาศยานภูเก็ต กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต สถานีตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อกลางดึกวันที่ 24 มิถุนายนว่า 1 กรกฎาคม 2564 นี้ “ภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์” พร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวคณะแรกที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 100%
พร้อมคาดการณ์ว่าช่วง 3 เดือนแรก (กรกฎาคม-กันยายน 2564) ภูเก็ตแชนดฺบ็อกซ์จะสร้างรายได้ราว 9,000 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาประมาณ 100,000 คน
ขณะที่แหล่งในธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ยอมรับว่าการเตรียมความพร้อมในเชิงนโยบายของภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์นั้นทุกภาคส่วนพร้อมเต็มที่มาก แต่ในเชิงปฏิบัติยังถือว่ายังมีในอีกหลายส่วนที่ยังไม่พร้อมและอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ
โดยเฉพาะระบบการตรวจสอบการได้รับวัคซีน หรือ Vaccine Validation สำหรับประกอบการยื่นขอใบรับรองในการเดินทางเข้าประเทศไทย หรือ COE : Certificate of Entry ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเปิดภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์นั้นยังไม่มีความพร้อม แต่กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งแก้ปัญหาเพื่อให้มีระบบและทำให้โครงการเดินหน้าได้
หรือกรณีของโรงแรมที่ได้ตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) นั้นยังมีข้อสงสัยในเรื่องการตรวจสอบมาตรฐาน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ยังไม่ได้รวบรวมรายชื่อทั้งหมดให้กับกระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น
พร้อมให้ข้อมูลว่าแนวทางการแก้ปัญหาที่เร็วที่สุดของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในขณะนี้คือ กระทรวงการต่างประเทศให้ตรวจสอบ Vaccine Validation ผ่านระบบของ COE โดยเปิดให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปตรวจวัคซีนได้
โดยผู้เดินทางที่กรอกข้อมูล พร้อมอัพโหลดวีซ่า ประกัน ฯลฯ รวมถึงวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะตรวจสอบโดยล็อคอินเข้าหลังบ้านของระบบ COE เมื่อเอกสารได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้เดินทางถึงนำไปดำเนินการส่วนอื่นๆ ต่อไปได้ เช่น การซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทาง จองโรงแรม ฯลฯ
แหล่งข่าวรายเดิมระบุว่า ณ เวลานี้ยังถือว่า “ภูเก็ตแชนด์บ็อกซ” ยังไม่มีกฎหมายรองรับ เพราะยังไม่ประกาศราชกิจจานุเบกษา หน่วยงานราชการที่ต้องออกหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการจึงยังไม่สามารถทำได้ เห็นชัดเจนที่สุดในเวลานี้คือ กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศไม่สามารถอนุมัติใบรับรองในการเดินทาง หรือ COE ได้
โดยระบุว่า จากตัวเลขคาดการณ์ที่ว่า 1 กรกฎาคมนี้ มีนักท่องเที่ยวที่มีดีมานด์เข้าภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์แล้วจำนวนหนึ่ง และมีสายการบินที่คอนเฟิร์มบินเข้ามา 5 ราย แต่ในทางปฏิบัติที่เกิดในช่วงที่ผ่านมาคือ ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าภูเก็ตแชนด์ยังไม่ได้รับใบรับรองในการเดินทาง หรือ COE ทำได้เพียงแค่เปิดลงทะเบียนรายชื่อไว้
อย่างไรก็ตาม สำหรับระบบตรวจสอบ Vaccine Validation ที่กระทรวงการต่างประเทศได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะนั้นน่าจะดำเนินการได้ตั้งแต่ 12.00 น. ของวันที่ 28 มิถุนายนนี้ (คาดว่าราชกิจจานุเบกษาจะประกาศได้ก่อนหรือในวันที่ 28 มิถุนายนนี้)
ขณะที่ “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวงานประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) เมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ปัจจุบันการเตรียมพร้อมเพื่อเปิดภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์ของจังหวัดภูเก็ตนั้นพร้อมในทุกๆ ส่วนแล้ว เหลือไม่ชัดเจนอยู่เพียงเรื่องเดียวคือ ประกาศราชกิจจานุเบกษา ที่ยังไม่มีกำหนดที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าช่าสุดน่าจะเป็นวันที่ 28 มิถุนายนนี้
จากแนวโน้มนี้ทำให้คาดการณ์ว่าน่าจะทำให้ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์นี้จะยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในจำนวนที่มากนัก แต่เชื่อว่าน่าจะเริ่มทยอยเข้ามาชัดเจนขึ้นตั้งแต่วันที่ 14-15 กรกฎาคมเป็นต้นไป ส่วนเที่ยวบินที่นายกรัฐมนตรีรอต้อนรับในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้คอนเฟิร์มว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาจำนวน 99 คน
พร้อมย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีดีมานด์อั้นของการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง โดยจากการพูดคุยกับสายการบินไทยสมายล์ที่เปิดเส้นทางบินจากฮ่องกงสู่ภูเก็ต พบว่ามีอัตราบรรทุกผู้โดยสารมากกว่า 50% เช่นเดียวกับการบินไทยที่บินจากยุโรปเข้าภูเก็ตที่มีอัตราการจองค่อนข้างดี โดยเฉพาะในที่นั่งชั้นธุรกิจ
