ปลดล็อกวัคซีน “สปุตนิก” หนุนแซนด์บอกซ์ดูดนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน

ภูเก็ต

จากรายงานของกรมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนวิกฤตโควิด จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมราว 14 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 10 ล้านคน

โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าภูเก็ตสูงสุด 10 อันดับแรก คือ จีน รองลงมาคือ รัสเซีย เยอรมนี ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สวีเดน และอินเดีย

ปลดล็อกวัคซีน “สปุตนิก”

ล่าสุดทางคณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เห็นชอบให้เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีน “สปุตนิก วี” เข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และพื้นที่นำร่องอื่น ๆ ได้ ซึ่งกรมควบคุมโรคจะออกประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคมนี้

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า แม้ว่าปัจจุบันภาพรวมของประเทศไทยยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในอัตราที่สูงต่อเนื่อง แต่สำหรับโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์นั้นถือว่ายังได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง

โดยในช่วง 18 วันแรกของเดือนสิงหาคม (1-18 สิงหาคม) นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 8,176 คน มียอดการจองห้องพักที่ 168,560 คืน (room night) หรือมียอดสะสมนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ 1 กรกฎาคม-18 สิงหาคม 2564 รวมจำนวน 22,231 คน

“ยุทธศักดิ์” บอกด้วยว่า ด้วยเหตุที่ประเทศไทยยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงต่อเนื่องนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วง 3 เดือนแรก (กรกฎาคม-กันยายน 2564) ของการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ที่กำหนดไว้ที่ 100,000 คนนั้น อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ก็ถือว่าเป็นการทดลองโมเดลต้นแบบการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จ

2 ปัจจัยบวกหนุนแซนด์บอกซ์

อย่างไรก็ตาม ก็มีข่าวดีคือ เวลานี้ทั้ง “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” และ “สมุยพลัส” เริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้สามารถเดินได้เร็วขึ้น และตอบโจทย์เป้าหมายในด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น ถึง 2 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย

1.ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เห็นชอบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และพำนักอยู่ในภูเก็ต 7 วันแล้ว เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับพื้นที่นำร่องอื่นในอีก 3 จังหวัด ได้แก่ เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย เขาหลัก จังหวัดพังงา เกาะพีพี เกาะไหว อ่าวไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ และสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้โมเดล 7+7 Phuket Extension ได้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมเป็นต้นไป

และเริ่มมีนักท่องเที่ยวขอใบอนุญาตการเดินทางเข้าประเทศไทย (certificate of entry : COE) เดินทางเข้ามาด้วยโมเดลนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา

และ 2.กรณีที่คณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้เห็นชอบให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีน “สปุตนิก วี” เข้าภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และพื้นที่นำร่องอื่น ๆ ได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ทางคณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จะออกประกาศเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคมนี้

หวังตลาด “รัสเซีย” เพิ่มสปีด

“ยุทธศักดิ์” ให้ข้อมูลว่า การที่คณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ให้เปิดรับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนสปุตนิกสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้นั้นถือเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดสำหรับประเทศไทย เนื่องจากทำให้เพิ่มประเทศเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

โดยปัจจุบันมีประชากรมากถึง 69 ประเทศทั่วโลกที่ฉีดวัคซีนสปุตนิก อาทิ รัสเซีย อินเดีย คาซัคสถาน อิหร่าน อิรัก ฮังการี มัลดีฟส์ เม็กซิโก มองโกเลีย เมียนมา เนปาล ไนจีเรีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เซอร์เบีย ศรีลังกา ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เวียดนาม ลาว เป็นต้น

“ตลาดสำคัญและเป็นเป้าหมายในกลุ่มประเทศที่ฉีดวัคซีนสปุตนิกของท่องเที่ยวไทย คือ รัสเซีย ที่ปกติแล้วจะนิยมหนีหนาวออกไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 หรือไม่ก็ตาม ซึ่งช่วงนี้ชาวรัสเซียหันไปเที่ยวในแถบตุรกี กรีซ ฯลฯ เป็นจำนวนมาก”

“จึงเชื่อว่าเมื่อประเทศไทยเปิดให้ชาวรัสเซียที่ฉีดวัคซีนสปุตนิกเข้ามาเที่ยวไทยได้ จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ภูเก็ตแซนด์บอกซ์และพื้นที่เชื่อมโยงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียแน่นอน”

ตั้งเป้าปีนี้ นทท.แตะ 1 ล้านคน

ผู้ว่าการ ททท.ยังบอกด้วยว่า จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวฯพบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2564) ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 49,700 คน เมื่อเปิดประเทศตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-18 สิงหาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 22,231 คน

ดังนั้น แม้หลายสำนักวิจัยจะคาดการณ์กันว่า ปีนี้ประเทศไทยน่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมที่ประมาณ 1.5 แสนคน เนื่องจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศนั้นกระทบความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าจากนโยบายการทยอยเปิดประเทศในพื้นที่ที่มีความพร้อมของไทยจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยปีนี้มีจำนวนถึง 1 ล้านคนได้

“ในปี 2562 นักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาเที่ยวราว 1.4 ล้านคน หากปีนี้ได้มาสัก 50% หรือประมาณ 500,000-700,000 คน ก็น่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยในปีนี้แตะ 1 ล้านคนได้ เราจะต้องไม่ยอมแพ้”

พร้อมย้ำว่า ปัจจุบันประชากรชาวรัสเซียได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 20 ล้านคน และส่วนใหญ่เป็นเมืองหลักทั้งมอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ฯลฯ ซึ่งเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นตลาดหลัก และมีจำนวนเที่ยวบินพร้อมทำการบินมาไทย ทั้งในส่วนของเที่ยวบินทั้งแบบประจำและแบบเช่าเหมาลำ

ที่สำคัญจากการเจรจากับทูตไทยประจำกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ล่าสุดยังได้รับข้อมูลด้วยว่า วันนี้คนรัสเซียได้รับการฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 30% และพร้อมที่จะออกเดินทางและมาเที่ยวไทยแล้ว รอเพียงแค่ทางการไทยปลดล็อกวัคซีนสปุตนิกเท่านั้น

จึงเชื่อว่าเมื่อประเทศไทยปลดล็อกให้ต่างชาติที่ฉีดวัคซีน “สปุตนิก” เข้ามาเที่ยวไทยได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนในการทำการตลาด ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนี้อาจต้องดึงบริษัทนำเที่ยวเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ด้วยเพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่นิยมเดินทางเป็นกรุ๊ป

โดยคาดว่าในช่วงเริ่มต้นนี้จะเห็น “ชาร์เตอร์ไฟลต์” หรือเครื่องบินเช่าเหมาลำจากรัสเซียบินตรงเข้าภูเก็ตได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะเห็นความชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และไตรมาส 1 ของปี 2565 แน่นอน…