จากรายงานของกรมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนวิกฤตโควิด จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมราว 14 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 10 ล้านคน
โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าภูเก็ตสูงสุด 10 อันดับแรก คือ จีน รองลงมาคือ รัสเซีย เยอรมนี ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สวีเดน และอินเดีย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ปลดล็อกวัคซีน “สปุตนิก”
ล่าสุดทางคณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เห็นชอบให้เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีน “สปุตนิก วี” เข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และพื้นที่นำร่องอื่น ๆ ได้ ซึ่งกรมควบคุมโรคจะออกประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคมนี้
“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า แม้ว่าปัจจุบันภาพรวมของประเทศไทยยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในอัตราที่สูงต่อเนื่อง แต่สำหรับโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์นั้นถือว่ายังได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง
โดยในช่วง 18 วันแรกของเดือนสิงหาคม (1-18 สิงหาคม) นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 8,176 คน มียอดการจองห้องพักที่ 168,560 คืน (room night) หรือมียอดสะสมนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ 1 กรกฎาคม-18 สิงหาคม 2564 รวมจำนวน 22,231 คน
“ยุทธศักดิ์” บอกด้วยว่า ด้วยเหตุที่ประเทศไทยยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงต่อเนื่องนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วง 3 เดือนแรก (กรกฎาคม-กันยายน 2564) ของการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ที่กำหนดไว้ที่ 100,000 คนนั้น อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ก็ถือว่าเป็นการทดลองโมเดลต้นแบบการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จ
2 ปัจจัยบวกหนุนแซนด์บอกซ์
อย่างไรก็ตาม ก็มีข่าวดีคือ เวลานี้ทั้ง “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” และ “สมุยพลัส” เริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้สามารถเดินได้เร็วขึ้น และตอบโจทย์เป้าหมายในด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น ถึง 2 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
1.ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เห็นชอบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และพำนักอยู่ในภูเก็ต 7 วันแล้ว เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับพื้นที่นำร่องอื่นในอีก 3 จังหวัด ได้แก่ เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย เขาหลัก จังหวัดพังงา เกาะพีพี เกาะไหว อ่าวไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ และสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้โมเดล 7+7 Phuket Extension ได้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมเป็นต้นไป
และเริ่มมีนักท่องเที่ยวขอใบอนุญาตการเดินทางเข้าประเทศไทย (certificate of entry : COE) เดินทางเข้ามาด้วยโมเดลนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา
และ 2.กรณีที่คณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้เห็นชอบให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีน “สปุตนิก วี” เข้าภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และพื้นที่นำร่องอื่น ๆ ได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ทางคณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จะออกประกาศเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคมนี้
หวังตลาด “รัสเซีย” เพิ่มสปีด
“ยุทธศักดิ์” ให้ข้อมูลว่า การที่คณะกรรมการด้านวิชาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ให้เปิดรับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนสปุตนิกสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้นั้นถือเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดสำหรับประเทศไทย เนื่องจากทำให้เพิ่มประเทศเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบันมีประชากรมากถึง 69 ประเทศทั่วโลกที่ฉีดวัคซีนสปุตนิก อาทิ รัสเซีย อินเดีย คาซัคสถาน อิหร่าน อิรัก ฮังการี มัลดีฟส์ เม็กซิโก มองโกเลีย เมียนมา เนปาล ไนจีเรีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เซอร์เบีย ศรีลังกา ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เวียดนาม ลาว เป็นต้น
“ตลาดสำคัญและเป็นเป้าหมายในกลุ่มประเทศที่ฉีดวัคซีนสปุตนิกของท่องเที่ยวไทย คือ รัสเซีย ที่ปกติแล้วจะนิยมหนีหนาวออกไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 หรือไม่ก็ตาม ซึ่งช่วงนี้ชาวรัสเซียหันไปเที่ยวในแถบตุรกี กรีซ ฯลฯ เป็นจำนวนมาก”
“จึงเชื่อว่าเมื่อประเทศไทยเปิดให้ชาวรัสเซียที่ฉีดวัคซีนสปุตนิกเข้ามาเที่ยวไทยได้ จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ภูเก็ตแซนด์บอกซ์และพื้นที่เชื่อมโยงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียแน่นอน”
ตั้งเป้าปีนี้ นทท.แตะ 1 ล้านคน
ผู้ว่าการ ททท.ยังบอกด้วยว่า จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวฯพบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2564) ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 49,700 คน เมื่อเปิดประเทศตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-18 สิงหาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 22,231 คน
ดังนั้น แม้หลายสำนักวิจัยจะคาดการณ์กันว่า ปีนี้ประเทศไทยน่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมที่ประมาณ 1.5 แสนคน เนื่องจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศนั้นกระทบความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าจากนโยบายการทยอยเปิดประเทศในพื้นที่ที่มีความพร้อมของไทยจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยปีนี้มีจำนวนถึง 1 ล้านคนได้
“ในปี 2562 นักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาเที่ยวราว 1.4 ล้านคน หากปีนี้ได้มาสัก 50% หรือประมาณ 500,000-700,000 คน ก็น่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยในปีนี้แตะ 1 ล้านคนได้ เราจะต้องไม่ยอมแพ้”
พร้อมย้ำว่า ปัจจุบันประชากรชาวรัสเซียได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 20 ล้านคน และส่วนใหญ่เป็นเมืองหลักทั้งมอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ฯลฯ ซึ่งเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นตลาดหลัก และมีจำนวนเที่ยวบินพร้อมทำการบินมาไทย ทั้งในส่วนของเที่ยวบินทั้งแบบประจำและแบบเช่าเหมาลำ
ที่สำคัญจากการเจรจากับทูตไทยประจำกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ล่าสุดยังได้รับข้อมูลด้วยว่า วันนี้คนรัสเซียได้รับการฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 30% และพร้อมที่จะออกเดินทางและมาเที่ยวไทยแล้ว รอเพียงแค่ทางการไทยปลดล็อกวัคซีนสปุตนิกเท่านั้น
จึงเชื่อว่าเมื่อประเทศไทยปลดล็อกให้ต่างชาติที่ฉีดวัคซีน “สปุตนิก” เข้ามาเที่ยวไทยได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนในการทำการตลาด ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนี้อาจต้องดึงบริษัทนำเที่ยวเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ด้วยเพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่นิยมเดินทางเป็นกรุ๊ป
โดยคาดว่าในช่วงเริ่มต้นนี้จะเห็น “ชาร์เตอร์ไฟลต์” หรือเครื่องบินเช่าเหมาลำจากรัสเซียบินตรงเข้าภูเก็ตได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะเห็นความชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และไตรมาส 1 ของปี 2565 แน่นอน…