โอไมครอน พ่นพิษข้ามปี’65 ลุ้นต่อ “เราเที่ยวด้วยกัน” หนุนเที่ยวในประเทศ

ท่องเที่ยว

ท่องเที่ยวไทยยังซบยาว! โควิดโอไมครอนพ่นพิษหนักข้ามปี ธุรกิจฝากความหวังเที่ยวภายในประเทศ ลุ้นรัฐเดินหน้ามาตรการโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 ชี้ภายใน 2 ปีนี้ตลาดในประเทศยังเป็นเครื่องยนต์หลัก ตลาดต่างชาติเป็นแค่ตัวแถม คาดปีหน้าสูงสุดได้ไม่เกิน 5 ล้านคน ผู้ประกอบการโรงแรมยังอาการหนัก ฟื้นตัวแค่พรีเมี่ยมเซ็กเมนต์ในเมืองท่องเที่ยวหลัก

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในปี 2564 นี้ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 5 แสนคน สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่าที่ราว 30,000-40,000 ล้านบาท ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย หรือตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านคน-ครั้ง คิดเป็นรายได้ประมาณ 400,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวไทยทั้งหมดปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 400,000-500,000 ล้านบาท โดยรายได้จากตลาดภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80%

“โอไมครอน” พ่นพิษข้ามปี

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ของสายพันธุ์โอไมครอนนั้น ทำให้หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโซนยุโรปกลับมาล็อกดาวน์ประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโอไมครอนกันอีกรอบ ทำให้คาดว่าภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะยังคงได้รับผลกระทบหนักต่อเนื่องต่ออีกในปี 2565 นี้

จากแนวโน้มดังกล่าวนี้ เชื่อว่าในปี 2565-2566 นี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะยังคงต้องพึ่งพารายได้จากตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทยเป็นหลัก ดังนั้น จึงขอเสนอให้ภาครัฐหันมาโฟกัสกับนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อรักษาโมเมนตัมของตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศให้เติบโต้ต่อเนื่อง และถึงเป้าหมาย 160 ล้านคน-ครั้งในปี 2565 และ 190 ล้านคน-ครั้งในปี 2566 ตามเป้าหมายของที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ

Advertisment

ลุ้นต่อ “เราเที่ยวด้วยกัน”

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า สมาคมโรงแรมคาดการณ์ว่าในปี 2565 ที่จะถึงนี้ ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบหนักต่อเนื่อง โดยประเมินว่าหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยได้ประมาณเดือนละ 3 แสนคน ยอดรวมทั้งปีจะอยู่ที่ราว 3-4 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะช่วยขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย

โดยในปี 2565 ประเทศไทยยังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลัก ดังนั้นจึงอยากเสนอให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้ว 3 เฟส และได้รับการตอบรับที่ดีและช่วยพยุงภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมได้ค่อนข้างดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

“ในอดีตที่ผ่านมานั้นเราพูดถึงนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน แต่จากการคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้าที่ 3-4 ล้านคน หรือหากโชคดีมีปัจจุบันบวกเข้ามาเสริม อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ถึง 5 ล้านคน ซึ่งก็ไม่เพียงพอสำหรับการทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมและภาคธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ได้”

“ซึ่งปัจจุบันโรแรมที่สามารถประครองตัวเองอยู่รอดได้นั้นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มระดับ 5 ดาวเป็นหลัก ส่วนโรงแรมระดับ 3 ดาว หรือ 4 ดาวที่พึ่งตลาดกรุ๊ปทัวร์นั้นยังคงต้อรอเวลาอีกนานพอสมควร ดังนั้นรัฐควรช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศต่อไป เพื่อช่วยรักษาสถานภาพของซัพพลายเชนด้านการท่องเที่ยวของประเทศให้ประคับประคองตัวเองอยู่ต่อไปได้” นางมาริสากล่าว

Advertisment

สอดรับกับนายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การดำเนินการโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 2563 นั้นถือเป็นโครงการที่ช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวภายในประเทศมาตลอดในช่วงวิกฤตโควิด ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมได้รับประโยชน์และทยอยกลับมาเปิดให้บริการแล้วจำนวนมาก

“สมาคมยังคงเสนอว่าในช่วงที่ตลาดต่างประเทศยังประสบปัญหานี้ รัฐควรสนับสนุนตลาดในประเทศมากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวที่จะช่วยพยุงให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยยังเดินต่อไปได้” นายธนพลกล่าว

อย่างไรก็ตาม กระแสการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยขณะนี้ยังมีโมเมนตัมที่ดีจากมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3 ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิหมดก่อนเวลาสิ้นสุดโครงการ สะท้อนว่าคนไทยส่วนใหญ่นั้นพร้อมที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศแล้ว หากภาครัฐยังคงมาตรการกระตุ้นการเดินทางไว้ต่อไป

“ไทยเที่ยวไทย” คือทางรอด

ด้านนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ส่วนตัวมองจากสถานการณ์โดยรวมในขณะนี้ประเมินไว้ 2 ซีนาริโอ คือ 1.การแพร่ระบาดไม่หนักมาก และอาการผู้ติดเชื้อไม่รุนแรงตามที่แพทย์ประเมิน และหากประเทศไทยเดินหน้าฉีดวัคซีนไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเข็ม 1 เข็ม 2 เข็ม 3 หรือเข็ม 4 คาดว่าสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะทยอยดีขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 เป็นต้นไป

และ 2.การแพร่ระบาดหนักไปทั่วโลกเช่นเดียวกับระลอก 2-3 ที่ผ่านมา และไวรัสโควิดยังเปลี่ยนสายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ คาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยจะยังคงกระทบรุนแรงต่อเนื่องและอีกนาน อาจจะ 1-2 ปี หรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับทั่วโลกว่ามียารักษาที่ดีเมื่อไหร่ สามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดได้จริง ๆ เมื่อไหร่

“ถ้ารอบนี้ไวรัสโอไมครอนแพร่ระบาดหนักและทั่วโลกเอาไม่อยู่ ผมมองว่าปี 2565 นี้มองข้ามไปได้เลย เพราะจะเป็นปีที่หนักหนาสาหัสของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีก 1 ปีแน่นอน แล้วไปลุ้นเอาปี 2565-2566 อีกครั้ง” นายชำนาญกล่าวและว่า ดังนั้น ทางรอดเดียวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยคือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในจำนวนที่เพิ่มขึ้น

ของบฯ 1.3 พันล้านอัดเฟส 4

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวก่อนหน้านี้ว่า โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” มีการจองสิทธิที่พักเต็ม 2 ล้านสิทธิไปตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2564 และลงทะเบียนจองโรงแรมที่พักตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564-23 มกราคม 2565 โดยจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มกราคม 2565

ปรากฏการณ์ที่เกิดนี้ สะท้อนชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวได้รับความนิยมจากคนไทย ที่สำคัญยังชี้ชัดว่าคนไทยมีความเชื่อมั่นและกล้าออกเดินทางท่องเที่ยว และเพื่อให้กระแสการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศยังมีแรงส่งต่อเนื่องในปี 2565 กระทรวงได้หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอของบฯอนุมัติงบประมาณ 13,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อมาดำเนินการโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 โดยจะให้สิทธิโรงแรมที่พักอีกประมาณ 2 ล้านสิทธิ (room night) ในช่วงต้นปีหน้า หรือในช่วงประมาณเดือนมกราคม-เมษายน 2565