ไทยเนื้อหอม โปรดักชั่นเฮาส์กิมจิ – กองถ่ายหนัง ตปท.รุมตอม ไตรมาสแรกโกยเงินเข้าประเทศ 1,400 ล้าน ปั้นเป็นฮับถ่ายหนังแห่งอาเซียน

ไทยกำลังเนื้อหอม ถูกรุมล้อมจากกองถ่ายหนังต่างชาติ ที่ยกกองมาถ่ายภาพยนตร์ที่แดนดินถิ่นสยาม

ข้อมูลจาก “กรมการท่องเที่ยว” เผยไตรมาสแรก ไทยมีรายได้จากต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 1,400 ล้าน จากทั้งหมด 369 เรื่อง เผยอเมริกาครองแชมป์มากสุดอันดับ 1

นางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมามีคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยทั้งหมดกว่า 700 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2,300 ล้านบาท และในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) ปี 2560 พบว่า มีภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำแล้วทั้งสิ้น 369 เรื่อง สร้างรายได้กว่า 1,400 ล้านบาท

โดยปีนี้มีจำนวนเรื่องและรายได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวนเข้ามาถ่ายทำทั้งสิ้น 323 เรื่อง สร้างรายได้ประมาณ 846 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าตลอดปี 2560 จะมีรายได้จากตลาดนี้เติบโต 10%

ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการมาตามรอยภาพยนตร์เหล่านั้น เช่น ภาพยนตร์เรื่อง James Bond 007 ที่เข้ามาถ่ายทำที่เกาะตะปู จังหวัดพังงา กระทั่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกยังคงเรียกเกาะตะปูว่า เกาะเจมส์บอนด์

หรือภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand จากประเทศจีนที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก รวมถึงภาพยนตร์ Hang Over ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในบทภาพยนตร์มีการนำเสนอเมนูอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก

“ปรากฏการณ์เหล่านี้ล้วนมาจากปัจจัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่ถ่ายทำที่มีความโดดเด่นและสวยงาม ศักยภาพและความพร้อมของทีมงานไทย และที่สำคัญที่สุดคือความเชื่อมั่นของกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย”

ไม่เพียงกองถ่ายหนังต่างประเทศจากฟากตะวันตกจะยกทัพเข้ามาถ่ายทำในเมืองไทยเท่านั้น ขณะนี้ ไทยยังได้รับความสนใจจากกองถ่ายแดนกิมจิ – เกาหลีใต้ ชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องทำโรแมนติก ฉากสวยๆ โอปาสไตล์ เพราะผู้ผลิตคอนเทนต์จากเกาหลีหลายรายเตรียมย้ายฐานการผลิตคอนเทนต์จากจีนมาไทยหนีต้นทุนการผลิตในจีนสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นปมจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างจีนกับเกาหลี

ล่าสุด 2 รายใหญ่ คือ บริษัทฮานโฮ (HANHO) และบริษัทนามู แอนิเมชั่น (NAMU Animation) เตรียมเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เบื้องต้นทั้ง 2 ค่ายจะร่วมทุนกับบริษัทหรือพันธมิตรในไทยเป็นโปรเจ็กต์ ๆ ไป และระยะถัดไปอาจขยายสู่การตั้งบริษัทร่วมทุนกับผู้ผลิตไทย

โดยฮานโฮ บริษัทแอนิเมชั่นสัญชาติเกาหลี อายุกว่า 30 ปี มีผลงานแอนิเมชั่นจำนวนมากที่ผลิตให้ช่องเคบีเอส (เกาหลี) รวมถึงรายการและซีรีส์ต่างประเทศจำนวนมาก ขณะที่นามู แอนิเมชั่นบริษัทแอนิเมชั่นที่เป็นการร่วมทุนระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น ก่อตั้งปี 2556 และขยายสาขาไปญี่ปุ่นปี 2557 และมีผลงานจำนวนมากที่ผลิตให้ช่องเคบีเอส ฯลฯ

ยังไม่นับก่อนหน้านี้บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ก็ได้ร่วมทุนกับ “ซีเจ อีแอนด์เอ็ม” ผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่จากเกาหลี ตั้งบริษัทซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เพื่อผลิตภาพยนตร์ หวังผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เติบโต และส่งออกภาพยนตร์ไทยไปยังตลาดต่างประเทศ

สำหรับมาตรการ Incentive Measures ด้านสิทธิประโยชน์ จนสามารถจูงใจกองถ่ายภาพยนตร์จากต่างประเทศมาถ่ายทำในประเทศไทย ถึงขั้นทำรายได้ 1,400 ล้านบาท เช่น ภาพยนตร์ต่างประเทศที่จะเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยจะได้เงินคืน 15% จากใบเสร็จค่าใช้จ่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย อาทิ ค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าที่พักโรงแรม รวมถึงให้สิทธิพิเศษเพิ่มอีก 5% สำหรับกองถ่ายที่ยังใช้ประเทศไทยจัดทำเอฟเฟ็กต์ต่างๆ หลังถ่ายทำภาพยนตร์เสร็จสิ้น