“คาชอกกี” เอฟเฟ็กต์ ระส่ำแผนอนาคต “ซาอุฯ”

Jim WATSON / AFP

การเสียชีวิตของ “จามาล คาชอกกี” กำลังทำลายความฝันของซาอุดีอาระเบียที่จะผันตัวเองจากผู้ผลิตน้ำมัน สู่การเป็น “ดาวอสแห่งทะเลทราย”กระแสความไม่พอใจจากนานาประเทศทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดการ “บอยคอต” เข้าร่วมการประชุม “Investment in Riyadh” ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้

เริ่มตั้งแต่ นายเลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษ เรื่อยมาจนถึงฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ รวมทั้ง นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกา และนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

นอกจากนี้ เจพี มอร์แกน, ฟอร์ด มอเตอร์, อูเบอร์ และธนาคารชั้นนำโลก อาทิ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์, เอชเอสบีซี, เครดิตสวิส ล่าสุด เอ็มยูเอฟจี ของญี่ปุ่น รวมถึงซีเอ็นเอ็นและบลูมเบิร์ก ที่ยืนยันไม่เข้าร่วมการประชุม

“อะเดล อัล-จูเบียร์” รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุฯ ให้สัมภาษณ์ “ฟ็อกซ์นิวส์” ยืนยันว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ ไม่มีส่วนพัวพันกับเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกล่าวว่าการบอยคอตจะกระทบต่อแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ “ซาอุดีอาระเบีย 2030 : White Oil”

“กรณีของคาชอกกี จะทำให้การเจรจาทางธุรกิจกับประเทศอื่นพลาดเป้าเกือบ 20% หายนะเริ่มส่งสัญญาณและไม่รู้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อไหร่”

Advertisment

รอยเตอร์สรายงานว่า อาแฮม คาเมล นักวิเคราะห์ด้านความเสี่ยงการเมืองตะวันออกกลาง จากยูเรเซียกรุ๊ประบุว่า นักธุรกิจทั่วโลกเริ่มลังเลที่จะลงทุนในซาอุฯ ยกเว้นสหรัฐที่ประกาศจะไม่ยกเลิกดีลซื้อขายอาวุธกับซาอุฯ

ขณะที่โทรทัศน์อัล อารา-บิยา สื่อใหญ่ของริยาด เผยว่า ซาอุฯผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก อาจใช้ “น้ำมัน” เป็นอาวุธต่อสู้กับแรงกดดันจากนานาชาติ และทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงถึง 100-200 ดอลลาร์สหรัฐ