การเสียชีวิตของ “จามาล คาชอกกี” กำลังทำลายความฝันของซาอุดีอาระเบียที่จะผันตัวเองจากผู้ผลิตน้ำมัน สู่การเป็น “ดาวอสแห่งทะเลทราย”กระแสความไม่พอใจจากนานาประเทศทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดการ “บอยคอต” เข้าร่วมการประชุม “Investment in Riyadh” ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้
เริ่มตั้งแต่ นายเลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษ เรื่อยมาจนถึงฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ รวมทั้ง นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐอเมริกา และนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- เปิด 10 อันดับทำเลที่ดินกรุงเทพฯ และปริมณฑล แพงสุด-ถูกสุด
นอกจากนี้ เจพี มอร์แกน, ฟอร์ด มอเตอร์, อูเบอร์ และธนาคารชั้นนำโลก อาทิ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์, เอชเอสบีซี, เครดิตสวิส ล่าสุด เอ็มยูเอฟจี ของญี่ปุ่น รวมถึงซีเอ็นเอ็นและบลูมเบิร์ก ที่ยืนยันไม่เข้าร่วมการประชุม
“อะเดล อัล-จูเบียร์” รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุฯ ให้สัมภาษณ์ “ฟ็อกซ์นิวส์” ยืนยันว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ ไม่มีส่วนพัวพันกับเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกล่าวว่าการบอยคอตจะกระทบต่อแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ “ซาอุดีอาระเบีย 2030 : White Oil”
“กรณีของคาชอกกี จะทำให้การเจรจาทางธุรกิจกับประเทศอื่นพลาดเป้าเกือบ 20% หายนะเริ่มส่งสัญญาณและไม่รู้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อไหร่”
รอยเตอร์สรายงานว่า อาแฮม คาเมล นักวิเคราะห์ด้านความเสี่ยงการเมืองตะวันออกกลาง จากยูเรเซียกรุ๊ประบุว่า นักธุรกิจทั่วโลกเริ่มลังเลที่จะลงทุนในซาอุฯ ยกเว้นสหรัฐที่ประกาศจะไม่ยกเลิกดีลซื้อขายอาวุธกับซาอุฯ
ขณะที่โทรทัศน์อัล อารา-บิยา สื่อใหญ่ของริยาด เผยว่า ซาอุฯผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก อาจใช้ “น้ำมัน” เป็นอาวุธต่อสู้กับแรงกดดันจากนานาชาติ และทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงถึง 100-200 ดอลลาร์สหรัฐ