ไม่ใช่ทุกประเทศในทวีปยุโรปที่จะใช้ “ภาษาอังกฤษ” เป็นภาษาหลักในการสนทนา หรือใช้เป็นภาษาราชการ ขณะเดียวกันหากเทียบประเทศในกลุ่มยูโรโซนซึ่งมี 4 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของกลุ่ม ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และ อิตาลี กลับมีเพียง “เยอรมนี” ประเทศเดียวที่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับที่ดี
เวิล์ดอีโคโนมิกฟอรั่ม (WEF) รายงานโดยอ้างข้อมูลจาก “EF Education First” องค์กรนานาชาติที่เชี่ยวชาญเรื่องการฝึกอบรมด้านภาษาของสวีเดน ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า ในแต่ละปีจะใช้ผลการสอบเพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การทำงานในภาคอุตสาหกรรม แม้แต่อุตสาหกรรมการศึกษา หรือการเรียนต่อ
- ทุเรียนทะลักวันละพันตู้ ล้งเบรกซื้อ ฉุดราคาดิ่งเหลือโลละ 135-140 บาท
- เช็กที่นี่ เบี้ยผู้สูงอายุ พฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
โดยนับตั้งแต่ปี 2011 มีผู้ที่ทำการทดสอบภาษาอังกฤษขององค์กรประมาณปีละ 2.3 ล้านคนจาก 100 ประเทศทั่วโลก ตามมาตรฐานของ EF ทั้งนี้ ผู้ที่ทำการทดสอบจากประเทศต่างๆ จะได้รับคะแนนเฉลี่ยระหว่าง 0 ถึง 100 คะแนน จากการทดสอบทักษะการอ่านและการฟังภาษาอังกฤษ
ทั้งนี้ ในปี 2019 ประเทศที่ได้รับคะแนนภาษาอังกฤษสูงที่สุดได้แก่ “เนเธอร์แลนด์” อยู่ที่ 70.27 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ส่วนอีก 4 ประเทศที่อยู่ในลิสต์ “ท็อป 5” ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก และ สิงคโปร์ ขณะที่ “เยอรมนี” อยู่เป็นอันดับ 10 มีคะแนนรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 63.77 คะแนน
นอกจากนี้ ในประเทศอาเซียนนอกเหนือจากสิงคโปร์ ยังมี “ฟิลิปปินส์” ซึ่งอยู่เป็นอันดับที่ 20 ของการทดสอบด้านภาษานี้ด้วยคะแนน 60.14 คะแนน สำหรับ “มาเลเซีย” อยู่อันดับที่ 26 ด้วยคะแนน 58.55 คะแนน จากทั้งหมด 46 ประเทศทั่วโลก
รายงานของ WEF ระบุว่า ประเทศที่มีพลเรือนมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษในระดับดี มีส่วนทำให้ภาคธุรกิจหลายอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์ได้ด้วย ทั้งด้านการศึกษา การท่องเที่ยว และอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างประเทศผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มากขึ้นด้วย