เปิดประวัติ “จิลล์ ไบเดน” สตรีหมายเลข 1 คนใหม่สหรัฐ

ที่มาภาพ : อินสตาแกรม drbiden

แม้ว่าตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา หรือเฟิร์ส เลดี้ (first lady of the US.) จะไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นทางการ และไม่มีค่าจ้างสำหรับตำแหน่งนี้ แต่พวกเธอมักมีบทบาทโดดเด่นทางการเมืองและสังคม เพราะมีหลายครั้งที่ต้องไปร่วมพิธีต่าง ๆ กับสามีผู้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งในและต่างประเทศ

สตรีหมายเลขหนึ่งถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากสังคมและสื่อ เพราะการมองดูและเข้าหาพวกเธอ ทำให้บางครั้งได้เบาะแสทางความคิดและการกระทำของประธานาธิบดี อีกทั้งยังเป็นโรลโมเดลที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและความคิดเห็นของผู้หญิงในสหรัฐอเมริกา ในเรื่องการแต่งกาย ทรงผม และคำพูดอีกด้วย

หลังจาก “โจ ไบเดน” วัย 78 ปี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2021 ทำให้ “จิลล์ ไบเดน” ผู้เป็นภรรยารับตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาตามธรรมนียม

“ประชาชาติธุรกิจ” จึงรวบรวมประวัติที่น่าสนใจของเธอ ดังนี้

ฝันทำงานด้านแฟชั่น

“จิลล์” มีชื่อเต็มว่า “จิลล์ เทรซี่ จาคอบส์ ไบเดน” เกิดที่เมืองแฮมมอนตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 1951 ปัจจุบันอายุ 69 ปี เป็นลูกสาวคนโตของพี่น้อง 5 คนซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด โดยพ่อของเธอเป็นทหารเรือสหรัฐฯในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังจากสงคราม เขาพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่เมืองวิลโลว์ กรูฟ รัฐเพนซิลเวเนีย แล้วทำงานเป็นพนักงานธนาคาร

หลังจาก “จิลล์” จบการศึกษาระดับมัธยมจาก Upper Moreland High School ในปี 1969 เธอเดินตามความฝันด้านสินค้าแฟชั่น ด้วยการเข้าเรียนสายอาชีพที่วิทยาลัยชุมชน Brandywine Junior College ในเมืองวิลโลว์ กรูฟ และได้ทดลองเป็นนางแบบสมัครเล่นระหว่างเรียนด้วย

แต่เรียนไปเพียง 1 เทอมก็เปลี่ยนใจ เพราะมีความคิดว่าถ้าเดินสายนักการศึกษาจะเป็นประโยชน์กับเธอและสังคมมากกว่า จึงย้ายไปเรียนระดับปริญญาตรีที่ University of Delaware สาขาภาษาอังกฤษ จนจบระดับปริญญาตรีในปี 1975 จากนั้นศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ West Chester University สาขาการศึกษาด้านการอ่าน จบในปี 1981 เรียนปริญญาโทอีกใบที่ Villanova University ด้านศิลปศาสตร์ภาษาอังกฤษ จบในปี 1987 และจบปริญญาเอกที่ University of Delaware ด้านผู้นำการศึกษาในปี 2007 จึงทำให้หลายครั้งที่คนเรียกเธอว่า ดร.ไบเดน

แต่งงาน 2 ครั้ง

“จิลล์” เคยแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้งก่อนมาแต่งกับ “โจ” โดยสามีเก่าของเธอคือ “บิล สตีเวนสัน” นักธุรกิจ และเป็นศิลปินวงร็อคยุค 70 เธอคบกับเขาสมัยเรียนที่ University of Delaware ด้วยกัน และทำธุรกิจร่วมกัน ด้วยการก่อตั้ง Stone Balloon ซึ่งเป็นหนึ่งในบาร์ยอดนิยมใกล้กับมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ จากนั้นแต่งงานในปี 1970 แต่ก็แยกทางกันหลังจากแต่งงานได้ 4 ปี

เดทครั้งแรกกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ

การเดทกับ “โจ” เป็นนัดบอดที่น้องชายของเขา “แฟรงก์ ไบเดน” จัดให้เจอกันในปี 1975 ซึ่ง “แฟรงก์” รู้จักกับ “จิลล์” เพราะเคยเจอกันในมหาวิทยาลัย

ตอนนั้น “โจ” ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกชายสองคน ได้แก่ “โบ ไบเดน” และ “ฮันเตอร์ ไบเดน” เขาสูญเสียภรรยาคนแรก “นีเลีย ฮันเตอร์” และลูกสาวคนแรก “นาโอมิ ไบเดน” วัย 1 ปี ด้วยอุบัติเหตุรถชนในปี 1972 ส่วน “จิลล์” ก็ผิดหวังจากการแต่งงานครั้งแรก

เธอได้กล่าวไว้ในนิตยสาร Vogue อเมริกาในปี 2019 ว่า ประทับใจที่ “โจ” มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และมีบุคลิกที่สุภาพ

“เราออกไปดูหนังเรื่อง A Man and a Woman ในฟิลาเดลเฟียด้วยกัน และเข้ากันได้ดีมาก เขามาส่งฉันที่หน้าบ้าน ตอนจะแยกกันเขาคว้ามือฉันไว้แล้วบอกว่า ฝันดีนะ ทันทีที่เข้าไปในบ้านฉันโทรหาแม่ทันที ซึ่งตอนนั้นดึกมาก ประมาณตี 1 แต่อยากบอกแม่มากว่า ในที่สุดฉันก็ได้เจอสุภาพบุรุษในฝันแล้ว”

อย่างไรก็ตาม เธอลังเลกับการรับการขอแต่งงานของ “โจ” ซึ่งเขาต้องใช้ความพยายามถึง 5 ครั้ง จนในที่สุดทั้งสองแต่งงานกันในปี 1977 และตั้งรกรากที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ จากนั้นมีลูกสาวคนแรกในปี 1981 ชื่อ “แอชลีย์ ไบเดน”

ถึงตอนนี้ “จิลล์” เป็นคุณยายที่มีหลาน 5 คน ได้แก่ “นาตาลี” และ “โบที่ 2” ลูกของโบ และ “ไมซีฟิน”, “เนแกน” และ “นาโอมิ” ลูกของ “ฮันเตอร์”

ทั้งนี้ อดีตสามีของ “จิลล์” บอกกับสำนักข่าวเดลี เมล (Daily Mail) ว่า ทั้ง “จิลล์” และ “โจ” พบกันครั้งแรกตอนที่เธอทำงานในการรณรงค์หาเสียงเป็นวุฒิสมาชิกครั้งแรกของ “โจ” ในปี 1972 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่เขาจะหย่ากับเธอ และสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนตั้งแต่นั้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าเรื่องที่ “บิล” กล่าวเป็นความจริงหรือไม่

เป็นครูมาเกือบทั้งชีวิต

“จิลล์” เป็นนักการศึกษามากว่า 3 ทศวรรษ เริ่มจากสอนที่โรงเรียนและวิทยาลัยท้องถิ่นในรัฐเดลาแวร์ รวมถึงสอนการอ่านให้วัยรุ่นที่มีความบกพร่องทางอารมณ์ที่โรงพยาบาลจิตเวช Rockford Center นับตั้งแต่ปี 2009 เธอได้ตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาอังกฤษที่ North Virginia Community College ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่สามีของเธอกำลังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในฝ่ายบริหารของนายโอบามา

“จิลล์” บอกว่า ยังจะทำงานเป็นครูต่อไป ถึงแม้สามีได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว เพราะงานด้านการศึกษาเป็นสิ่งที่เธอรัก และเธอมีจุดมุ่งหมายหลายอย่างในการพัฒนาการศึกษาของสหรัฐฯ

“ฉันคิดว่ามันสำคัญมากสำหรับผู้หญิงในการเป็นตัวของตัวเอง ส่วนความคิดที่ว่าคุณจะต้องสละชีวิตทั้งชีวิต ทิ้งงานที่คุณรักเพื่อคู่ครอง มันดูล้าสมัยมาก”

ประสบการณ์สายการเมือง

“โจ” ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีถึง 3 ครั้ง และ “จิลล์” ก็อยู่เคียงข้างกับเขาตลอด เธอมักปรากฏตัวในแคมเปญต่าง ๆ รวมถึงการหาเสียง และการสัมภาษณ์ของเขา

และในขณะที่ “จิลล์” เป็นสุภาพสตรีหมายเลขสองของสหรัฐฯ เธอทำงานเกี่ยวกับการสนับสนุนครอบครัวของทหาร รวมถึงช่วยสามีของเธอในการริเริ่มโครงการ Cancer Moonshot และเป็นผู้นำในการพัฒนาการศึกษาของวิทยาลัยชุมชนทั่วประเทศ จึงทำให้เธอมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเมืองมากพอสมควร