การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 คู่ที่ 2 ประจำวันที่ 15 มิถุนายน เป็นเกมเตะกลุ่มบี นัดแรกของทั้ง 2 ทีม ระหว่าง โมร็อกโก กับ อิหร่าน ตัวแทนจากทวีปเอเชีย ที่สนามเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดี้ยม ความจุ 68,134 คน ที่เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน
แอร์เว่ เรอนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส โดยการจัดทัพนำโดย ฮาคิม ซีเยช กองกลางฟอร์มแจ่ม จากอาแจ๊กซ์ อัมด์เตอร์ดัม โดยมี เมห์ดี้ เบนาเตีย ปราการหลังจอมแกร่ง จากสโมสร ยูเวนตุส คุมแนวรับ สำหรับ 11 คนแรก มาในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย มูนีร์ เอล คาโยอวี (ประตู) นอร์ดิน อัมราบัต, เมห์ดี้ เบนาเตีย, โรแม็ง ซาอิส, อาชราฟ ฮาคิมี, คาริม เอล อาห์มาดี้, ฮาคิม ซีเยช, เอ็มบารัก โบสโซฟา, ยูแนส เบลฮันดา, อามีน อาริต และอายุบ เอล คาบี้
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
ส่วนทีมอิหร่าน ที่นำโดย การ์ลอส เกยรอซ กุนซือชาวโปรตุเกส สภาพทีมค่อนข้างจะสมบูรณ์ สำหรับ 11 คน แรก มาในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย อาลี เบรานวานด์, รามิน เรซาเอียน, รูซเบห์ เชชมี่, มอร์เตซ่า ปูราลิกานยี, เอห์ซาน ไฮซาฟี, โอมิด เอบราฮิมี, อาลีเรซ่า ยาฮันบากช์, คาริม อันซาริฟาร์ด, มาซูด โชยาเอ, วาฮิด อามิรี และซาร์ดาร์ อาซมุน
เริ่มเกมเป็นทางด้านโมร็อกโกได้ดอกาสบุกและครองบอลใส่อิหร่านอย่างหนัก
นาทีที่ 4 โมร็อกโกครองบอลบุกอย่างหนัก และเป็นทาง นอร์ดิน อัมราบัต ครอสบอลเข้าไป และเป็น อายุบ เอล คาบี้ ได้โหม่งแต่หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 18 โมร็อกโกได้ฟรีคิก เปิดโดย โบสโซฟา โยนเข้าไปในเขตโทษ แล้วเป็นทาง เบนาเตีย ยิงแปเน้นๆ แต่ติดเซฟผู้รักษาประตูออกไป เเละเป็นทางด้านอิหร่านได้โอกาสสวนกลับก่อนจะหลุดเดี่ยว แต่ยิงพลาดเข้ามือผู้รักษาประตูไป
ผ่านนาทีที่ 25 เป็นทางฝั่งของอิหร่านที่พยายามตั้งเกม สู้ได้อย่างสูสีมากขึ้น เเต่รูปเกมก็ยังเป็นทางด้านโมร็อกโกที่ทำเกมได้เหนือกว่า แต่ทางฝั่งอิหร่านก็ยังตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น
นาทีที่ 30 โมร็อกโกได้บุกและเป็นทางด้าน อาคิมี ส่งให้กับ อาริต หลุดเข้าไปยิงปั่นไปเสาสอง แต่ติดผู้รักษาประตูเซฟไว้ได้
ก่อนหมดครึ่งแรก นาทีที่ 42 อิหร่าน ได้โอกาสทำเกมบุกใส่โมร็อกโกอย่างหนัก และมีโอกาสได้ยิง แต่ผู้รักษาประตูเซฟช่วยให้โมร็อกโกรอดจากการเสียประตูไปได้ ทำให้จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มต้นครึ่งหลัง เป็นทางฝั่งโมร็อกโกได้บุกเข้าใส่และครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง และเป็นเกมที่ทางอิหร่านตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งทั้งสองทีมเล่นได้อย่างรัดกุมจนถึง นาที 80 โมร็อกโกได้โอกาสวอลเล่ย์โดย ฮาคิด ซีเยช แต่ติดเซฟผู้รักษาประตูไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงทดเวลาเจ็บครึ่งหลัง กลายเป็นอิหร่านได้ประตูชัยจากการโหม่งสกัดผิดเหลี่ยมของ อาซิซ บูอาด์ดูซ กองหน้าสำรองของทีมโมร็อกโก เข้าประตูตัวเอง ก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลาในอีกไม่ถึงนาทีต่อมา ทำให้อิหร่าน เก็บ 3 แต้มแรก ขณะที่โมร็อกโก ไร้แต้มแบบสุดแสบ
นัดต่อไป โมร็อกโก จะพบกับ โปรตุเกส ในวันที่ 20 มิถุนายน เวลา 19.00 น. ตามเวลาเมืองไทย ส่วนอิหร่าน จะพบกับ สเปน ในวันเดียวกัน เวลา 01.00 น.
