ซุลคิฟลี อาบู บัคการ์ ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมาว่า มาเลเซียพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและให้ที่พักพิงชั่วคราวกับชาวโรฮีนจาที่อพยพออกนอกประเทศมาทางเรือ ซึ่งผู้อพยพกลุ่มนี้คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นหลังความรุนแรงในพม่าปะทุขึ้นครั้งล่าสุด เหตุการณ์ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 คน
การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นหลังก่อนหน้านี้ 1 วันนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐพม่ายืนยันว่ารัฐบาลพม่าพยายามอย่างที่สุดที่จะปกป้องประชาชนทุกคนในรัฐยะไข่ โดยไม่ได้ระบุถึงชาวโรฮีนจาอย่างชัดเจน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“เราต้องดูแลประชาชนของเรา เราต้องดูแลทุกๆ คนที่อยู่ในประเทศของเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นพลเมืองพม่าหรือไม่” ซูจี ระบุกับสำนักข่าวเอเชี่ยนนิวส์อินเตอร์เนชั่นแนล การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา นางซูจีอ้างว่ากลุ่มก่อการร้ายว่าเป็นสาเหตุของข้อมูลผิดๆ จำนวนมากเกี่ยวกับรัฐยะไข่ ขณะที่นางซูจีเอง ถูกกดดันจากหลายประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมให้ออกมาปกป้องชาวโรฮีนจา ขณะที่นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดการล้างเผ่าพันธุ์ในพม่าขึ้นซึ่งจะกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาค
ทั้งนี้หลังกองทัพพม่าบุกเข้าโจมตีกลุ่มที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นกลุ่มกบฏโรฮีนจาในรัฐยะไข่ล่าสุดจำนวนชาวโรฮีนจาที่ข้ามชายแดนไปยังบังคลาเทศเพิ่มขึ้นเป็น 164,000 รายแล้ว ขณะที่มาเลเซียเป็นที่พักพิงของผู้อพยพชาวโรฮีนจาแล้วกว่า 100,000 ราย
ที่มา : มติชนออนไลน์