วัดป่าธรรมคีรี: เปิดไทม์ไลน์อดีตพระคม อภิวโร สู่ผู้ต้องหายักยอกเงินวัด พบเพิ่มเป็น 300 ล้าน

ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เผยความคืบหน้าคดีอดีตพระคม อภิวโร พร้อมพวก ถูกกล่าวหายักยอกทรัพย์ของวัดป่าธรรมคีรี อ. ปากช่อง จ.นครราชสีมา พบทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นเงินสด 80 ล้านบาท ทองคำแท่งมูลค่า 19 ล้านบาท ถูกฝังดินบนเขาบริเวณหลังวัด ทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมกับที่พบครั้งแรกรวมแล้วกว่า 300 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. แถลงในวันนี้ (8 พ.ค.) ว่า ทรัพย์สินที่พบเพิ่มเติมเป็นผลจากการเข้าตรวจสอบที่วัดของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และจากการสืบสวนกลุ่มผู้ต้องหาน่าจะเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2563 ขณะเดียวกันยังไม่พบผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

นายคม คงแก้ว หรืออดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเป็นครั้งแรกในปี 2564 เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 มีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์พระคม อภิวโร เป็นพระราชาคณะ นามว่า “พระวชิรญาณโกศล”

เขาตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา พร้อมกับนายวุฒิมา หรือพระหมอ เถาว์หมอ อายุ 38 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และ น.ส.จุฑาทิพย์ น้องสาวของอดีตพระอาจารย์คม ในคดีร่วมกันยักยอกเงินวัดตามที่ บก.ป. แถลงชี้แจงต่อสาธารณะ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา

นอกจากการแถลงความคืบหน้าของคดี ช่วงเช้าที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย ไปผัดฟ้องและฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว

เปิดข้อหาอดีตพระอาจารย์คม พร้อมพวก

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ. วิวัฒน์ จิตรโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กก.3 บก.ป.ร่วมกันดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย

1. นายคมฯ หรือ พระอาจารย์คม อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 65/66 ลงวันที่ 6 พ.ค. 2566 ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้น เป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

2. นาย วุฒิมาฯ หรือพระหมอ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 64/2566 ลงวันที่ 6 พ.ค. 2566 ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

3. น.ส.จุฑาทิพย์ฯ อายุ 35 ปีผู้ต้องหา ตามหมายจับหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 66/2566 ลงวันที่ 6 พ.ค.66 ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร”

ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ป. ได้รับการประสานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมของ นายคมฯ ประธานฝ่ายสงฆ์ของวัดป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า มีการทุจริตเงินวัดหรือไม่อย่างไร

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการสืบสวนและเข้าทำการตรวจสอบภายในวัด ตามข้อร้องเรียนดังกล่าวพบว่าพระอาจารย์คม ผู้ต้องหา ในคดีนี้เป็นพระผู้ดูแลการใช้จ่ายเงินต่าง ๆ ของวัด รวมถึงเงินที่ญาติโยมมีจิตศรัทธาร่วมทำบุญกับทางวัด ร่วมกับเจ้าอาวาสวัด (พระหมอ)

นอกจากนี้ มีพฤติการณ์นำเงินทำบุญบางส่วนของวัดไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยสั่งการให้เจ้าอาวาสนำเงินสดไปมอบให้ น.ส.จุฑาทิพย์ฯ น้องสาวของตน เพื่อฝากเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ได้นำเงินของวัดออกมาจริง

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติม และเข้าค้นบ้านพักของ น.ส.จุฑาทิพย์ฯ น้องสาวของผู้ต้องหา พบเงินสดกว่า 51 ล้านบาทที่ถูกเก็บไว้ในลังโฟมและกระเป๋าเดินทางในบ้านพักดังกล่าว และพบเงินวัดที่อยู่ในบัญชีเบื้องต้นกว่า 130 ล้านบาท รวมยอดกว่า 180 ล้านบาท

ในส่วนของพฤติการณ์อื่น ๆ ยังปรากฎข้อเท็จจริงที่ทางผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเพิ่มเติมอีกว่า ในระหว่างที่ถือสมณเพศนั้น ได้มีการเสพเมถุนภายในกุฏิของวัดซึ่งถือเป็นการอาบัติปาราชิก ตามข้อบัญญัติทางธรรมวินัยอีกส่วนหนึ่ง ทางผู้ต้องหา จึงสมัครใจที่จะลาสิกขาแล้ว

ระบุยังไม่พบความผิดมาตรา 112

พล.ต.ต. มนตรี เทศขัน ผบก.ป. กล่าวในการแถลงข่าวว่า หลังจากการจับกุมตัวอยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนผู้ต้องหาอยู่ในการควบคุมของกองปราบ

“เบื้องต้นที่เราสอบถาม การยักยอกเงินมาจากการที่วัดจัดทำโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเจดีย์… มีการเบิกถอนจากเงินบัญชีวัดโดยปกติวัดจะมีบัญชีส่วนตัวของวัดอยู่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อดีตพระคมฯ มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่

“ในเบื้องต้นยังไม่มีฐานความผิดมาตรา 112 แต่ที่ตรวจสอบพบว่านายคมกับพวก ในขณะที่เป็นพระสงฆ์ มีพฤติกรรมในลักษณะของชอบบุคคลเพศเดียวกัน พฤติกรรมชายรักชาย นอกจากนายคมและบุคคลอื่น” พล.ต.ต. มนตรี ตอบผู้สื่อข่าว

เปิดลำดับเวลาสู่การดำเนินคดี

5 พ.ค. 2566 หนังสือแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ถูกเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ ลงนามแต่งตั้งโดย พระครูพิทักษ์มัชฌิมเขต (จิรศักดิ์) เจ้าคณะตำบลปากช่อง เขต 4 จ.นครราชสีมา หลังจากอดีตพระคม และพระมหาวุฒิมา หรืออดีตพระหมอ เจ้าอาวาส ออกจากวัด “โดยไม่ทราบสาเหตุและไม่สามารถติดต่อได้”

ต่อมาได้รับการยืนยันจาก นายอินทพร จั่นเอี่ยม รอง ผอ.รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า พระทั้ง 2 รูป นั้น ลาสิกขาบทไปแล้ว

6 พ.ค. 2566 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงข่าวการจับกุมอดีตพระอาจารย์คม อภิวโร หรือนายคม คงแก้ว พร้อมพวกรวม 3 คน ได้แก่ นายวุฒิมา หรือพระหมอ เถาว์หมอ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และ น.ส.จุฑาทิพย์ น้องสาวของอดีตพระย์คม ในข้อหายักยอกเงินบริจาควัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มูลค่ากว่า 180 ล้านบาท

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเพิ่มเติมอีกว่า ในระหว่างที่ถือสมณเพศนั้น ได้มีการเสพเมถุนภายในกุฏิของวัดซึ่งถือเป็นการอาบัติปาราชิก ตามข้อบัญญัติทางธรรมวินัย

7 พ.ค. 2566 อดีตพระคมยอมรับว่า มีการโอนเงินของวัดไปเข้าบัญชีธนาคาของน้องสาวจริง บางส่วนให้นำไปเก็บที่บ้าน แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหา ระบุไม่มีเจตนาโกงเงินวัดตามที่ถูกกล่าวหา

8 พ.ค. 2566 พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. คุมตัวอดีตพระคม, อดีตพระหมอ และ น.ส. จุฑาทิพย์ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเพื่อขอฝากขัง พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว

หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว