ตำรวจ คุมตัว 10 ครู-พี่เลี้ยง รร.สารสาสน์ฯ ผัดฟ้อง-ฝากขังต่อศาล

ตำรวจควบคุมตัว 10 ครู-พี่เลี้ยง โรงเรียนสารสาสน์ฯ ส่งศาล ผัดฟ้องฝากขัง ขณะที่ พ่อเด็กอนุบาล เผยใจอ่อนแล้ว ไม่คิดว่าครูจุ๋มจะมาฟ้องกลับ หลังจากนี้เตรียมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

วันที่ 6 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี ร.ต.อ.อุทิศ อาสานอก รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชัยพฤกษ์ พาครูและพี่เลี้ยง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ 10 ราย ส่งศาลแขวงนนทบุรี เพื่อทำการผัดฟ้องและฝากขัง ในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ

ครูและพี่เลี้ยง 10 รายที่ถูกคุมตัว ประกอบด้วย น.ส.ญาณวัฒนา หรือครูบลู, น.ส.ทิพย์สุดา หรือครูอิ้ว, น.ส.อนรรฆอร หรือครูแพร, น.ส.แพรวนภา หรือครูแพรว, น.ส.โชษิตา หรือครูอิง, น.ส.นภาพร หรือครูส้ม, น.ส.เบญจมาพร หรือครูเจี๊ยบ, น.ส.นิษาชล หรือครูนิ, น.ส.อภัสรา หรือครูมิ้ว, น.ส.ภาสินี หรือครูกิ๊ฟ

ขณะเดียวกัน นายชาญวิทย์ พร้อมภรรยา พ่อและแม่เด็กที่ถูกครูจุ๋มทำร้าย เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน เพื่อขอหนังสือส่งตัวลูกชายไปตรวจสุขภาพ โดยระบุว่า ตอนนี้สภาพจิตใจของลูกแย่มาก มีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว และตอนกลางคืนมีอาการผวา เวลาเดินยังมีการระแวงตลอดเวลา เหมือนกับระแวงว่าพี่เลี้ยงจะทำร้ายเขาเมื่อไหร่ โดยสรุปว่า ลูกตนมีอาการที่รุนแรงมาก

ส่วนในกรณีที่ทางทนายความพาครูจุ๋ม เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตนและภรรยา นายชาญวิทย์ ระบุว่า ไม่มีปัญหา ยอมรับว่าทำร้ายจริง พร้อมที่จะจ่ายค่าปรับตามกฎหมาย แต่ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับการติดต่อมา ถ้าเกิดว่ามีการเรียกมาสอบปากคำหรือว่าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่ม ตนก็ยินดี

Advertisment

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาทจากทางโรงเรียน นายชาญวิทย์ ระบุว่า ผู้ปกครองแต่ละคนจะเรียกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการโดนกระทำมากแค่ไหน ส่วนทางตนต้องดูก่อน พร้อมเปิดใจว่า จริงๆ ตนใจอ่อนกับครูจุ๋มแล้ว คิดว่าจะไม่เรียกค่าเสียหายอะไร แต่ครูจุ๋มกลับติดใจฟ้องตนกลับ

นายชาญ ยืนยันว่า พร้อมจะดำเนินการกลับแบบเต็มที่เท่าไหร่ก็เต็มเพดานเลย เขาจะมีให้ตนหรือไม่มีให้ อันนี้ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว เพราะว่าตนเองก็ยินดีที่จะจ่ายค่าปรับเช่นกัน ตนทำผิดกฎหมายก็เสียค่าปรับตามประมวลกฎหมาย แต่ที่ครูมาทำกับลูกชายตนโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้ ตนก็พร้อมที่จะเรียกตามกฎหมายเหมือนกันแล้วก็เต็มเพดาน ตามที่กฎหมายจะรองรับ

ทั้งนี้ นายชาญ ยังระบุว่า ถ้าโรงเรียนแสดงความจริงใจว่า จะรับผิดชอบกับผู้ปกครองผู้เสียหายจริงๆ ไม่ใช่คุณสร้างกำแพงกั้นแล้วทำให้เรื่องราวมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และไม่ใช่ให้ผู้บริหารมาพูดทำนองว่า คนทำผิดก็แค่ออกไป แล้วเด็กก็สามารถเรียนต่อได้อะไร โดยถามโรงเรียนกลับว่า จิตใจของเด็กไม่ได้ง่ายเหมือนผู้ใหญ่ ใช่หรือไม่