พลังประชารัฐ ปัดซื้อเวลา ตีความแก้รัฐธรรมนูญ

พรรคพลังประชารัฐ ปัดซื้อเวลา ตีความแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ที่พรรคพลังประชารัฐ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุม ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ โดยวันนี้ มีวาระเตรียมความพร้อมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 11-12 พ.ย.นี้ และการประชุมร่วมของรัฐสภาในวันที่ 17-18 พ.ย. ที่จะมีญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าทั้ง 7 ฉบับ

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงถึงกรณีที่ ส.ส.ของพรรคส่วนหนึ่ง ร่วมลงชื่อขอเสนอญัตติ ให้รัฐสภามีมติ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ว่า จากการสอบถาม ส.ส. หลายท่านที่ร่วมลงชื่อ พูดตรงกันว่าได้หารือกันในประเด็นหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภา ซึ่งก็ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า สามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะมีทั้งผู้ที่เห็นว่าทำได้ และทำไม่ได้ จึงเป็นห่วงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจผิดรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต จึงร่วมลงชื่อไป

“โดยไม่มีเจตนาอื่นใด ที่จะทำให้ความขัดแย้ง หรือทำให้ยืดยาวออกไป โดยทุกท่านก็ทราบดีถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เน้นย้ำเสมอ ให้เรามีความจงรักภักดี และยึดมั่นใน ชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ และสร้างความปรองดองในชาติ”

ทั้งนี้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้ชี้แจงและยืนยันไปแล้วว่า ในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน นี้ ในกระบวนการพิจารณาผ่านวาระ 1 นั้น จะมีการลงมติแน่นอนทั้ง 7 ร่าง ส่วนที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความตามที่หลายฝ่ายสงสัยนั้น ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้สามารถทำได้ แต่ต้องไม่กระทบต่อการทำงานของคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นทางออกหนึ่งให้รัฐสภาได้

“ส่วนที่ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ห้าม ส.ส.ร่วมลงชื่อ นั้น เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ ของ ส.ส. ในการดำเนินการด้วยความบริสุทธ์ใจ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา หรือเป็นการส่งสัญญาณใด ๆ ทั้งสิ้น”

น.ส.พัชรินทร์กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมวิป 3 ฝ่าย ในวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน นี้ เวลา 14.00 น. เพื่อตกลงกรอบกระบวนการ สำหรับการประชุมร่วม ระหว่างวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ ที่จะมีการลงมติร่างแก้ รธน.ทั้ง 7 ฉบับ

“ขอยืนยันอีกครั้งว่า ทุกอย่างที่พรรคพลังประชารัฐทำไป จะต้องทำด้วยความรอบคอบ และป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดตามมาในภายหลัง พรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่แตะต้องหมวด 1 และ 2 เพื่อสร้างความสามัคคี ปรองดอง ในชาติ ให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในอนาคต และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่าน จะร่วมมือร่วมใจกัน นำพาชาติไทย ผ่านวิกฤตต่างๆ ไปด้วยกัน”

ขณะที่ นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ย้ำว่าการเข้าชื่อของ ส.ส. ของพรรค และ ส.ว. ไม่ใช่การยื้อเวลา เพราะกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นไปตามเดิม แต่ที่ต้องทำเพราะ ส.ส. และ ส.ว. เห็นพ้องต้องกันว่า เมื่อมีข้อสงสัยของการตั้ง ส.ส.ร. มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ทำได้หรือไม่ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งเพื่อทำให้ ส.ว. มั่นใจและร่วมลงมติรับหลักการ เพราะหากไม่ทำเช่นนี้ อาจมี ส.ว. บางคนไม่สบายใจและอาจไม่ลงม ติ