สุพัฒนพงษ์ ตั้งทีมเชิงรุก ระดมซีอีโอขาใหญ่เคลื่อนเศรษฐกิจปี 64

สุพัฒนพงษ์.

สุพัฒนพงษ์ รองนายกฯ-รมว.พลังงาน ฉายภาพเศรษฐกิจไทย ปี 64-65 ตั้งทีมปฏิบัติการเชิงรุก-ระดมบริษัทเอกชนขนาดใหญ่เคลื่อนเศษฐกิจไทยปี 64-65 ตั้งแท่นรื้อระบบราชการ-อนุมัติอนุญาตอำนวยความสะดวกนักลงทุน

ภารกิจยังไม่จบ

วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ขับเคลื่อนประเทศไทย 2021” ในงาน Dinner Talk : Restart Thailand 2021 จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ถึงทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐในปี 2564 ว่า ภารกิจที่เราต้องร่วมมือกันยังไม่จบ เพราะโลกหลังโควิดมีผลกระทบกับประเทศไทยและประเทศไทยยังจำเป็นต้องปรับปรุงและปรับตัวเองหลายเรื่อง

ความต่อเนื่องของรัฐบาลที่ทำกันมา 6 ปี โดยการนำของพล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานไว้รองรับการปรับตัว เราอาจจะไม่รู้สึกวันนี้ แต่ถ้านึกถึงกรุงเทพมหานครที่จะเกิดรถไฟฟ้า 14 สาย ตลอด 4-5 ปีจากนี้ กทม.จะมีระบบขนส่งมวลชนระบบรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ความยาวประมาณ 500 กิโลเมตร อีอีซี โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ จะมี Commitment ลงนามในสัญญา มีผู้สนใจลงทุนใน 3-4 ปีจากนี้

“เราจะเปลี่ยนประเทศในเชิงการอำนวยความสะดวก อีอีซีอินโนเวชั่น มีห้องเลปทันสมัยที่จะลองรับการลงทุน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เป็นสิ่งที่เราเตรียมไว้ 6 ปีที่ผ่านมา”

รวมถึงระบบดิจิทัล แพลตฟอร์ม 5 จี โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล บริษัท หัวเว่ย ยืนยันว่าในภูมิภาค ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐาน หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานด้านพื้นฐานเป็นอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค และงานด้านดิจิทัลจะเกิดขึ้นมากมาย เกิดธุรกิจใหม่ในอีอีซีมากมายเพื่อยกระดับขึ้นมาเกิดเป็นปฏิบัติการเชิงรุกในปี 2564 เพื่อให้เกิดผลของการลงทุนในปี 2565 อย่างชัดเจน

“เราคงยอมไม่ได้ที่จะให้ประเทศไทยหลังโควิด-19 กลับมาเหมือนเดิมในปี 2562 เช่น ปีนี้ติดลบ 6 % ปีหน้า 4 % กว่าจะกลับไปเหมือนเดิมปี 65 กลางปี เราคงยอมไม่ได้ ในเมื่อเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมในการเปิดดำเนินการใน 3-4 ปี และทยอยเปิดในปีนี้เป็นต้นไปอยู่แล้ว”

ควงบีโอไอ-อีอีซี เดินสายคุยนลท.ตปท.

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ปีหน้ารัฐบาลจะปฏิบัติการเชิงรุก เราจะไม่อายใคร เราจะนำสิ่งเหล่านี้ไปเปิด เราจะร่วมกันบีโอไอ อีอีซี วันนี้เริ่มเดินสายคุยกับหอการค้าต่างประเทศ เริ่มคุยกับสถานทูต 5 ประเทศ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อม ภูมิภาคอื่นไม่มีความพร้อมด้านท่าเรือ ถนน ไฟฟ้า ดิจิทัลแพลตฟอร์ม คอมมูนิเคชั่น

“ขอเพียงประเทศไทยปรับปรุงวิธีการ ช่องทางการอำนวยความสะดวกในการลงทุน (doing of business) 10 ข้อ ซึ่งรัฐบาลตั้งใจทำอยู่ จุดประสงค์เดียวกันเพื่อยกระดับดัชนีการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจในประเทศเพื่อให้อยู่ในอันดับที่ 10 จากปัจจุบันอยู่อันดับ 21 ให้นักลงทุนอยากลงทุนในประเทศไทยมากที่สุด”

ปีหน้าเป็นปีของการดึงดูด ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เป็นอุตสาหกรรมที่จะเปลี่ยนประเทศไทย ยุติการพึ่งพิงการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่รัฐต้องมีหน้าที่ส่งเสริม ดึงดูด สะสาง ปรับปรุง เรื่องกฎและกติกาต้องเร็วขึ้น โปร่งใสมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยง

“พวกเราที่เป็น ซีอีโอต้องเชื่อมั่น ถ้าเป็นเรื่องของรถไฟ ศาลายา นครปฐม สมุทรปราการ-บางปู ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี นนทบุรี เมืองเหล่านี้จะรายล้อมกรุงเทพฯ เป็นเมืองเดียวกัน ประเทศไทยจะมีการขยายตัว กรุงเทพฯจะมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางของสำนักงานภูมิภาค ขณะนี้บีโอไอเตรียมเรื่องการส่งเสริมการลงทุนอย่างจริงจัง”

ดันไทยแจ้งเกิดอีวี

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ภายในประเทศที่เรารู้สึกว่าพึ่งพิงแต่จีดีพีจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เราเรียกตัวเองเสมอว่า เราเป็นดีทรอย์แห่งเอเชีย แต่มีการพูดคุยกันกันของค่ายรถยนต์ต่างๆ ทุกคนพร้อมและเชื่อว่า ประเทศไทยเราก้าวไปสู่ยานยนต์ประจุไฟฟ้าได้ ไม่ยาก ทุกคนพร้อมจะเดินหน้า แต่ขอให้มีแผนแม่บทที่ชัดเจน

ต้องมีระบบการจัดการระบบไฟฟ้าที่ดี สมาร์ทดีไวด์มากขึ้น ไม่อยาก เพระอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์บ้านเราเข้มแข็งพอ นักลงทุนไต้หวันพร้อมขยายการลงทุนด้านสมาร์ทดีไวด์ในประเทศไทยมากขึ้น ไฟฟ้ามีการใช้มากขึ้น เป็นไฟฟ้าพลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ เพราะต้องเป็นไฟฟ้าสะอาด เนื่องจากกฎเกณฑ์ดังกล่าวจะกระทบประเทศไทย

เกณฑ์ภาวะเรือนกระจกจะเกิดขึ้นในโลกนี้แน่นอน ประเทศมหาอำนาจและประเทศตะวันตก ยืนยันว่า 1.5 องศาซี ต้องไม่เกิน มีกฎกติกา ประกาศคาบอนด์ฟรีในอีก 20-30 ปี

“ผมมองว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีระบบการเชื่อมโยงทางพลังงาน โรงไฟฟ้าชีวมวล หรือ โรงไฟฟ้าชุมชน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ”

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่เราได้ลงทุนไปแล้วและความต่อเนื่อง ในอนาคตเวลาใครมาลงทุนในประเทศ หรือลงทุนในต่างประเทศ กฎกติกาการควบคุมการปล่อยคาบอนไดออกไซด์ ประเทศใดที่มีเครือข่ายในการจัดหาพลังสะอาดจะได้ประโยชน์ติดตัวไปด้วยเช่นกัน

ตั้งแท่นปี 64 รื้อระบบราชการ

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 64 จะไม่ใช่การลงทุนทันที แต่จะเป็นการเตรียมการดึงดูด เชิญชวน และการแก้ไขตัวเราเอง แก้ไขระบบราชการให้เข้มแข็งมากขึ้น เอกชนไทยจำเป็นต้องเชื่อมั่นในประเทศไทยและร่วมกันดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้มามาเป็นพาร์ทเนอร์ เราจะเป็นเจ้าบ้านที่ดี และเริ่มลงทุนได้ในปี 65

หลายเรื่องสามารถทำในปี 64 ได้ การลงทุนใหม่ ๆ หลายเรื่อจะเห็นกลางปี 64 ในประเทศไทย ถ้าเราร่วมมือกัน อยากจะฉายภาพให้เห็น ถ้าทำตรงนี้ได้ ปี 65 เราจะกลับมาเข้มแข็งกว่าเดิม แต่ปี 64 เรายังจะต้องช่วยประคับประคองกันต่อไป ถึงแม้จะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนประมาณกลางปี 64 ก็ตาม เพราะต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการตั้งตัวและเริ่มเห็น

“เอกชนต้องใช้โอกาสนี้เพื่อปรับตัวเอง เปลี่ยนตัวเอง เพื่อใช้สร้างธุรกิจใหม่ให้กับประเทศไทย เอกชนจะต้องช่วยกันกระตุ้นเพื่อให้เกิดโมเมนตัมในการลงทุน ยากจะทำให้สำเร็จ แต่เราต้องช่วยกันถึงจะสำเร็จ”

ตั้งทีมปฏิบัติการเชิงรุก ระดมเอกชนขาใหญ่

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ปีหน้าเราจะมีทีมปฏิบัติการเชิงรุก เชิญเอกชนอย่างน้อยขนาดใหญ่ของประเทศมาร่วมกัน มารวมไทยสร้างชาติ แสวงหาโอกาสในสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา

ปี 65 จะเป็นปีที่เราจะลุกขึ้นมาแล้วลุกไว แล้ววิ่งเลย ถ้าเราช้าคนอื่นจะคว้าไปหมด ทิศทางลม กระแสลมมาทางนี้อยู่แล้ว ทั้งเรื่องเทรดวอร์ ความจำเป็นของสหรัฐ ฯ ที่จะต้องพิงจีนต้องน้อยลง ผู้ที่จะขายของให้สหรัฐ ฯ จำเป็นต้องย้ายถิ่นฐาน ประเทศไทยจะเป็นประเทศเป้าหมายที่จะมาลงทุน

บิ๊กตู่ ไม่ทิ้งคนตัวเล็ก

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ภายในประเทศเราไม่ทิ้ง เรื่องลดความเหลื่อมล่ำ รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีไม่เคยลืม เราจะสร้างโอกาสให้คนที่ด้อยกว่าตลอดเวลา จะมีดิจิทัลมาร์เกตติ้งแพลตฟอร์มเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

การสร้างโอกาสในเรื่องเล็ก ๆ คือ การคำนวณอัตราดอกเบี้ยผิดนัด คำนวณจากยอดที่ผิดนัด ไม่ใช่ยอดหนี้ทั้งหมด และนำไปใช้กับหนี้ผิดนัดของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้คนตัวเล็ก ในปีหน้าก็จะมีสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ดูแล ไม่ใช่ธุรกิจขนาดใหญ่อย่างเดียว

“เรายังต้องดูแลคนที่เหลือของประเทศที่ยังอ่อนแอ แต่สิ่งที่เราจะทำ แจกเงินให้คนอย่างเดียวไม่ได้ เพราะงบประมาณไม่พอ แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลทำได้ คือ เราจะสร้างโอกาสให้แสวงหาจุดแข็งของตัวเอง สร้างอาชีพใหม่ ๆ ให้คนรุ่นใหม่ที่จะเชื่อมระหว่างคนตัวเล็กกับผู้ซื้อในระดับ เหมือนกับโครงการคนละครึ่งที่ประสบความสำเร็จ สิ่งเหล่านั้นที่จะนำไปต่อยอด”

เล่าเบื้องหลัง-ระบบหลังบ้าน เราไม่ทิ้งกัน – คนละครึ่ง

นายสุพัฒนพงษ์ เล่าเบื้องหลัง-หลังบ้าน ว่า ผมต้องขอบคุณธนาคารกรุงไทย ตอนที่ตัดสินใจทำโครงการเราไม่ทิ้งกัน นั่งคุยกันว่า เสี่ยงมาก เพราะประเมินแล้วว่า มีคนที่ได้ 5,000 บาท มีคนที่เดือดร้อนและเข้ามาในระบบ ประมาณ 17 ล้านคน แต่เจอเข้าจริง ๆ 27 หรือ 29 ล้านคน

“ถือว่า รัฐบาลเสี่ยงมากที่จะใช้เอาระบบดิจิทัลเข้ามาทำ แต่ต้องชม ถ้าวันนั้น 27.5 ล้านคนในระบบ มีล่มอยู่ 2 ครั้ง ถ้าวันล่มและทำไม่ได้ อยู่กันไม่ได้ทั้งประเทศ มันเสี่ยงชีวิต”

อย่างไรก็ตาม เป็นเสี่ยวหนึ่งเท่านั้น พอสำเร็จได้ ขยายผลเป็นคนละครึ่งได้ ก็เป็นเพราะแนวคิดจากคนกลุ่มนี้ที่ค่อย ๆ พัฒนา จากประสบการณ์ครั้งแรก และค่อย ๆ กล้าทำสิ่งที่พัฒนามากขึ้น และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก และต่อยอดให้เป็นระบบแพลตฟอร์มที่จะทำให้คนเข้ามาในระบบนี้ได้อีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า

อย่าให้โรคโควิดระบาด-ลอคดาวน์รอบสอง

นายสุพัฒนพงษ์ทิ้งท้ายว่า สรุปปี 64 ยังต้องอดทน ร่วมไม้ร่วมมือ คนที่มีกำลัง เศรษฐกิจเราไม่ได้รับผลกระทบเยอะ บางบริษัทในห้องนี้มีโบนัสแน่นอน มีหลายคนได้โบนัสแน่นอน และหลายคน ผู้บริหารหลายประเทศไม่มีโบนัสแน่นอน

“จำเอาไว้เลย เกิดการระบาดโควิด-19 ครั้งที่สองอีกไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าลอคดาวน์จะเกิดผลกระทบกับประเทศและความรู้สึกของคนไทยทุกคนมาก เป็นหน้าที่ของทุกคนทีต้องป้องกัน ดูแลให้ดี”