คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : อมร พวงงาม
วันก่อนเห็นภาพนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ยืนบนหลังคา Cybertruck รถบรรทุก EV ของ Tesla
หลังเยี่ยมชมกระบวนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและร่วมทดสอบสมรรถนะรถที่ Tesla’s proving ground Fremont Factory U.S.A.
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บุคคลนามสกุลดัง “ภัทรประสิทธิ์” ถูกฟ้องล้มละลาย
ดูสมาร์ทเชียว
แถมข้อความใต้ภาพ ยังระบุอีกว่าผู้บริหาร Tesla สนใจลงทุนในบ้านเรา ส่วนการตัดสินใจจะมีขึ้นภายในไตรมาสแรกปี 2567 มองไว้แล้วด้วย 3 ทำเล
ความน่าจะเป็น ถ้ามองกันตอนนี้ ถือว่ามีความเป็นได้สูง
เพราะก่อนหน้านี้ Tesla ประกาศขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย มีการจดทะเบียนตั้งบริษัท เทสลา (ประเทศไทย) เรียบร้อย
รวมถึงเปิดตลาดด้วยรถ EV 2 รุ่น โมเดล 3 และโมเดล Y ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจล้นหลาม
วันนี้มองไปทางไหน เห็นวิ่งกันเกลื่อนเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น Tesla ยังร่วมมือกับพันธมิตร MGC-ASIA ผุด MMS Tesla Approved Body Shop ดูแลทั้งงานซ่อมทั่วไปและซ่อมสีตัวถัง
เรียกว่า ทำตลาดแบบครบวงจร ขาดแค่การมาลงทุนตั้งโรงงานในบ้านเราเท่านั้น
ดังนั้นหากความพยายามของนายกฯเศรษฐา ซึ่งออกแรงทำหน้าที่เซลส์แมนถึงสองครั้งสองคราว
ครั้งแรก ตั้งแต่รับตำแหน่งใหม่ ๆ เมื่อเดือนกันยายนเดินทางไปร่วมประชุม UN ที่นิวยอร์ก เที่ยวนั้นได้พบบอสใหญ่ “อีลอน มัสก์” โดยตรง ก็มีการชักชวน โดยมีหัวเรือใหญ่อย่าง “บีโอไอ” ค่อยให้ข้อมูลเพิ่มเติมและมารอบนี้ในการประชุมผู้นำ APAC ที่ซานฟรานซิสโก ก็ทาบทามเพิ่มเติม ดังนั้นหากทุกอย่างสัมฤทธิผล คนไทยมีเฮแน่นอน
เพราะมั่นใจได้เลยว่า ราคารถ Tesla จะถูกลงอีกเป็นกอง แถมยังช่วยให้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนบ้านเราได้ประโยชน์ โอกาสจ้างแรงงานก็เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
สำหรับการตั้งโรงงานผลิต Tesla ในภูมิภาคอาเซียน ก่อนหน้านั้นแรงดึงดูดที่หนักสุด ๆ น่าจะเป็นอินโดนีเซีย
“โจโก วิโดโด” นายกฯอินโดฯ คนปัจจุบันเคยชักชวนหลายหน โดยพยายามชี้ให้เห็นถึงความได้เปรียบประเทศอื่น ๆ เรื่อง “แร่นิกเกิล” ที่จะใช้ผลิตแบตเตอรี่
แต่กลับมีข้อมูลเล็ดลอดออกมาต่อเนื่องว่า “อีลอน มัสก์” ยังไม่ตัดสินใจ มีเพียงได้แค่ลงนามซื้อวัสดุสำหรับแบตเตอรี่จากบริษัทแปรรูปนิกเกิลในอินโดนีเซียซึ่งเป็นเม็ดเงินไม่น้อย
ล่าสุดยังมีข้อมูลออกมา ในแนวว่าจะเมินเสียด้วยซ้ำ เพราะคะแนนด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในประเทศอินโดนีเซียยังไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานของ Tesla
ส่วนถ้าไม่เลือกอินโดนีเซีย แล้วเป้าต่อไปคือใคร ? ยังเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
ถ้าเรียงแถวกันตอนนี้ “อินเดีย” อาจอยู่เบอร์ต้น ๆ หลังจากที่ถูกจัดลำดับระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย แต่ถ้าเอาเรื่องจริง ๆ เกี่ยวกับการอุตสาหกรรมและการผลิตรถยนต์
“ดีทรอยต์ออฟเอเชีย” ซึ่งประเทศไทยครอบครองมาตลอดหลายสิบปี มีอินฟราสตรักเจอร์ที่ไม่แพ้ใครในภูมิภาคนี้ มีระบบซัพพลายเชนที่ได้มาตรฐาน มีโปรดักต์แชมเปี้ยน ทั้ง “ปิกอัพ-อีโคคาร์” ที่หาตัวจับยาก ไทยแลนด์ก็น่าจะเป็น “เฟิรสต์ช้อยซ์” ที่ Tesla ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
อดใจรออีกนิด ไตรมาสแรกปีหน้ารู้กัน
