“เทสโก้ฯ” ผู้นำสีเขียว ปี 2593 สู่ซีโร่คาร์บอนฯ

เทสโก้ โลตัส สู่ธุรกิจค้าปลีกสีเขียวเต็มรูปแบบ ปักธงเป็น Zero Carbon Business ภายในปี 2593 โดยมีการลงทุนกว่า 600 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2560 ในโครงการประหยัดพลังงาน และลดคาร์บอนจากการดำเนินธุรกิจ ล่าสุดดำเนินการเปลี่ยนสารทำความเย็นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด ภายในเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส 900 สาขาจากกว่า 1,500 สาขาทั่วประเทศ

นับเป็นค้าปลีกเจ้าแรกในเอเชีย-แปซิฟิกที่เปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็น R-448A ในสเกลใหญ่ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการครบทุกสาขารูปแบบเอ็กซ์เพรสภายในปี 2561 และจะเริ่มขยายไปสู่สาขาขนาดใหญ่ในอนาคต

“มิโรสลาฟ ฟริมอล” ประธานกรรมการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เราตั้งเป้าหมายความยั่งยืน พร้อมโรดแมปในการบรรลุเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% ในปี 2563 ทั้งยังเป็นธุรกิจค้าปลีกสีเขียวเต็มรูปแบบ ด้วยการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือศูนย์ (Zero Carbon Business) ภายในปี 2593 ผ่านโครงการประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเทสโก้ในทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทยด้วย

“เทสโก้ โลตัสดำเนินโครงการประหยัดพลังงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2547 อาทิ นำพลังงานทดแทนต่าง ๆ มาใช้ติดตั้งในกลุ่มธุรกิจของเทสโก้ โลตัส และในปี 2560 ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ภายใน 8 สาขา และ 5 ศูนย์กระจายสินค้า มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 15 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือเทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าสำหรับกว่า 30,000 ครัวเรือน เนื่องจากแผ่นโซลาร์มีพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 65,000 ตารางเมตร สามารถประหยัดไฟได้มากถึง 56 ล้านบาทต่อปี ทั้งยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 7,925 ตันต่อปี”

“เรามีความภูมิใจที่เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกรายแรกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่เปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็น Solstice? N40 (R-448A) ของฮันนี่เวลล์ ซึ่งสารดังกล่าวจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และใช้พลังงานน้อยกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 64% สำหรับสารทำความเย็น R-404A ที่เทสโก้ โลตัสใช้ในปัจจุบัน เป็นสารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนที่มีค่า GWP 3,943 ซึ่งสารทำความเย็น Solstice? N40 (R-448A) มีค่า GWP อยู่ที่ 1,273 ถือว่าเป็นสารทำความเย็นไม่ติดไฟที่มีค่า GWP ต่ำสุดที่มีวางจำหน่ายทั่วโลกในปัจจุบัน”

ปัจจุบันดำเนินการสมบูรณ์แล้วในร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ทั้งหมด 900 สาขา จากกว่า 1,500 สาขา ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเฟสที่ 2 ของแผนงานจะดำเนินการเปลี่ยนสารทำความเย็นในร้านเอ็กซ์เพรสให้ครบทุกสาขาภายในสิ้นปี 2561 และจะเริ่มขยายไปสู่ร้านค้าขนาดใหญ่ทั่วประเทศ

“แอนนา อัน” รองประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป เอเชีย-แปซิฟิก ฮันนี่เวลล์ แอดวานซ์ แมธิเรียลส์ กล่าวว่า ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) ของรัฐบาลไทย กำหนดเป้าหมายระยะยาว (2558-2573) ในการอนุรักษ์พลังงานทั้งในระดับประเทศ และการบริโภคพลังงานของแต่ละภาคส่วนไว้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นอาคารพาณิชย์ที่มีความเข้มข้นของการใช้พลังงานสูงสุด เนื่องจากระบบทำความเย็นมีขนาดใหญ่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงครึ่งหนึ่งของการใช้พลังงานทั้งหมด

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Solstice? จะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลงได้มากกว่า 47 ล้านตัน หรือเทียบเท่ากับการขจัดปริมาณการปล่อยมลพิษไอเสียจากรถยนต์ 10 ล้านคัน ฮันนี่เวลล์คาดการณ์ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ Solstice? ที่มีจำนวนมากขึ้นทั่วโลกจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 475 ล้านตัน ภายในปี 2568 หรือเทียบเท่าการลดปริมาณรถยนต์ 100 ล้านคันออกจากท้องถนนภายใน 1 ปี

“นอกเหนือจากแผนงานเปลี่ยนสารทำความเย็น ในปี 2560 เทสโก้ โลตัส ยังตั้งงบประมาณการลงทุนในโครงการประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดกว่า 600 ล้านบาทตลอดทั้งปี โดยจะดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟทั้งหมดให้เป็นหลอด LED, โครงการนำความร้อนจากระบบทำความเย็นทั้งแอร์ และตู้เย็น มาใช้ในการให้ความร้อนกับน้ำ เพื่อใช้ทำความสะอาด และเปลี่ยนหลังคาเป็นแบบโปร่งแสง เพื่อใช้แสงธรรมชาติให้ความสว่างภายในสาขา เพราะจะช่วยลดการเปิดไฟได้ถึง 50% โดยเฉพาะช่วงกลางวัน”

“เทสโก้ โลตัส ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรค้าปลีกสีเขียว และบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนที่บริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้ โดยทุกการปรับเปลี่ยนจะไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้าจำนวนกว่า 15 ล้านคนในแต่ละสัปดาห์”

จึงนับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของเทสโก้ โลตัส