“วิศวะมหิดล” ผนึก “แพทย์ศิริราช” เปิดตัว “ใส่ใจ” ปรึกษาสุขภาพจิต

PSYJAI ใส่ใจ

ต้องยอมรับว่าประชาชนคนไทย และคนทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับสภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบที่รุมเร้า ทั้งทางสุขภาพกายและใจ รวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตในสังคม การทำงาน การเรียน และเศรษฐกิจ อีกทั้งอิทธิพลของกระแสข่าวสารที่ถาโถมหลั่งไหลในยุคโซเชียลมีเดีย มีส่วนทำให้คนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น เช่น โรคซึมเศร้า, ความเครียด, ความกังวล หรืออาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย

ผลเช่นนี้ จึงทำให้คณะวิศวะมหิดลภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ผนึกความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวนวัตกรรมแชตบอต “ใส่ใจ” (Psyjai) ที่สามารถพูดคุยกับทุกเพศวัย ก้าวล้ำด้วยเอไอที่จะมาช่วยประเมินสภาวะจิตใจ และอารมณ์เบื้องต้น

ทั้งยังช่วยบรรเทาความเครียดด้วยหลักจิตวิทยา ซึ่งตอนนี้เปิดให้บริการแล้วในทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชม.

“ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี” คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัญหาโควิด-19 ในปัจจุบัน ก่อให้เกิดความเครียดวิตกกังวลหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งความเครียดอาจแสดงออกมาเป็นรูปแบบของการนอนไม่หลับ ไม่สามารถหาความสุขจากกิจกรรมในวันธรรมดา ๆ ได้จนทำให้ท้อแท้ และรู้สึกว่าไม่สามารถเอาชนะความยากลำบากของตัวเองได้ รวมถึงความรู้สึกทุกข์ใจ และซึมเศร้า รวมถึงการเสียความมั่นใจในตัวเองจนรู้สึกตัวเองไร้ค่า เป็นต้น

ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี
ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

“ทีมวิจัยจึงพัฒนานวัตกรรมแชตบอตใส่ใจ (Psyjai) ที่เป็นเสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่มีความรู้ทางด้านจิตวิทยาสามารถพูดคุยกับผู้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา และใช้งานง่าย โดยทีมวิจัยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการดูแลคนไทยให้มีสุขภาพจิตที่ดี”

“ผู้ใช้งานสามารถตระหนักรู้ถึงสภาวะอารมณ์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า จนนำไปสู่การจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ช่วยลดความยากลำบากของประชาชนในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพจิตในช่วงโควิด-19 ทั้งที่เป็นผลกระทบจากโควิด-19 หรือประเด็นปัญหาทั่วไป เพื่อช่วยคนไทยทุกเพศวัยสามารถดูแลสุขภาพจิตตนเองได้ทันท่วงที”

สำหรับแชตบอตใส่ใจ (Psyjai) จะให้บริการผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence : AI) วิเคราะห์อารมณ์จากเนื้อหาการพูดคุย และมีระบบจัดการการสนทนา (dialogue management) สำหรับส่งข้อความโต้ตอบให้สอดคล้องกับอารมณ์ และประเด็นปัญหาที่ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ หรือตรวจจับได้ เพราะ “แชตบอตใส่ใจ” ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่

หนึ่ง ประเมินสภาวะอารมณ์ ได้แก่ อารมณ์เศร้า เครียด และวิตกกังวล ที่มีต่อภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ข่าวสารโซเชียลมีเดีย หรือจากผลกระทบต่ออาชีพการงาน การศึกษา การปรับตัวทางสังคม ภาระการดูแลสมาชิกในครอบครัว ทั้งนี้เพื่อสร้างภาวะตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงของภาวะสุขภาพจิตในระยะเริ่มแรกที่สามารถให้การดูแลง่าย

สอง ให้การดูแลประคับประคองอารมณ์ในระดับเบื้องต้น (emotional support) โดยอ้างอิงหลักการให้การดูแลจิตใจตามหลักจิตวิทยา โดยผู้ใช้งานสามารถพูดคุยกับแชตบอตได้ทุกที่ทุกเวลา และมีการบ้านหรือแบบฝึกหัด (homework) เพื่อกระตุ้นให้นำเนื้อหาที่พูดคุยไปปรับใช้จริง และผู้ใช้งานสามารถติดตามความก้าวหน้าของตนเองได้บนหน้าแสดงข้อมูล (dashboard)

ส่วนวิธีใช้งาน สามารถเข้าไปใช้งานโดยเสิร์ชหาคำว่า “Psyjai” ในช่องค้นหาของแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก หรือ www.facebook.com/psyjaibot/ หลังจากเข้ามาที่หน้าเฟซบุ๊กเพจใส่ใจแล้ว ก็สามารถกดปุ่ม “ส่งข้อความ” เพื่อเริ่มพูดคุยทันที

นอกจากนี้แชตบอต “ใส่ใจ” ยังมีระบบให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ใช้งานที่มีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายตนเอง หรือมีภาวะอารมณ์ที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยง โดยจะให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาความลับของผู้ใช้งานตามมาตรฐานสากล ทั้งในด้านคะแนนการประเมินสุขภาพจิต และเนื้อหาที่พูดคุย

“รศ.พญ.สุดสบาย จุลกทัพพะ” หัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่าปัจจุบันปัญหาด้านสุขภาพจิตมีความรุนแรงมากขึ้น พบได้ในคนทุกกลุ่มอายุ ในขณะที่ความสามารถในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพจิตที่เป็นมาตรฐานนั้นมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ทั่วโลกต่างกำลังเจอวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19

รศ.พญ.สุดสบาย จุลกทัพพะ
รศ.พญ.สุดสบาย จุลกทัพพะ หัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

จากสถิติของกรมสุขภาพจิต รายงานว่า เฉพาะช่วง ม.ค. 2564 เดือนเดียวมีผู้ขอรับบริการโทร.ปรึกษาผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เกี่ยวกับความเครียดจากโควิด-19 มีจำนวนสูงลิ่วถึง 1.8 แสนคน เปรียบเทียบกับทั้งปี 2563 มีจำนวนการโทร.ขอคำปรึกษาอยู่ที่ราว 7 แสนคน

ดังนั้น ใส่ใจ แชตบอตบริการทางสุขภาพจิต จึงตอบโจทย์ด้วยดี คือเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็วในการประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นด้วยตนเองอย่างถูกต้อง และสามารถรองรับผู้ใช้บริการได้เป็นจำนวนมาก สะดวกมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดการเดินทาง และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอีกด้วย

“พณิดา โยมะบุตร” นักจิตวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตใจ แบ่งออกได้เป็น 2 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยทางด้านกายภาพ เช่น พันธุกรรม เพศ อายุ 2.ปัจจัยทางด้านจิตสังคม เช่น พื้นฐานทางจิตใจ อารมณ์ ทักษะการแก้ปัญหา สภาพแวดล้อม เป็นต้น

พณิดา โยมะบุตร
พณิดา โยมะบุตร นักจิตวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

“ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน กระทบการดำเนินชีวิตของคนในหลาย ๆ ด้าน ถือเป็นภาวะวิกฤตที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต วิธีป้องกันสุขภาพจิตดีที่สุดคือ หมั่นสำรวจภาวะอารมณ์และความคิดของตนเอง เรียนรู้และจัดการตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อการดูแลที่เหมาะสม”

“แต่ด้วยข้อจำกัดของจำนวนบุคลากรและการเข้าถึง ทำให้มีประชากรไทยจำนวนมากไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพจิตจนปัญหารุนแรงขึ้นจนถึงระดับที่แก้ไขได้ยาก”

“ทีมวิจัยพัฒนาแชตบอตใส่ใจ บูรณาการองค์ความรู้ทางจิตวิทยาคลินิก และจิตเวช ผสานเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างเครื่องมือเป็นบริการเพื่อสังคมที่เข้าถึงคนในวงกว้างได้ง่ายและลดช่องว่างดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของคนไทยแล้วยังเป็นการยกระดับการให้บริการสุขภาพจิตในประเทศไทยให้ก้าวไปกับโลกและไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลอีกด้วย”

ดังนั้น หากใครรู้สึกไม่สบายใจ เครียด หรือสงสัยว่าตนมีอาการซึมเศร้าหรือไม่ สามารถเข้าถึงบริการ “ใส่ใจ” แชตบอตทางสุขภาพจิตทันที ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเฟซบุ๊กทั้งในสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป