อักษร เอ็ดดูเคชั่น ฉากทัศน์ใหม่การศึกษาผสมผสาน

อักษร เอ็ดดูเคชั่น
เอชอาร์ คอร์เนอร์

นับถอยหลังเหลือแค่ไม่กี่วันพร้อมเข้าสู่ศักราชใหม่ ความคาดหวังจะหลุดพ้นเพื่อเริ่มต้นให้กับความสดใสหลังชีวิตผ่านพ้นไปกับปีที่หนักหนามาพอสมควร ความบอบช้ำจากโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภาคการศึกษา ทิ้งไว้ทั้งปัญหาและโอกาส

หากมองดูแล้วก็ยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าสถานการณ์นี้จะจบลงเมื่อไหร่ งานนี้ภาคการศึกษาไทยจะเป็นอย่างไร อักษร เอ็ดดูเคชั่น ผู้ผลิตและออกแบบนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ ขอพาย้อนไปดูเส้นทางการศึกษาตลอดปีที่ผ่านมากัน

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ โดยบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับสถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) แจงถึงตัวเลขสถิติทางด้านการศึกษาหลายประเด็นที่น่าสนใจ

ตั้งแต่การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลให้กับกระทรวงศึกษาธิการสูงสุดในรอบ 22 ปี คิดเป็นร้อยละ 11.5-25.7 ของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด สวนทางกับผลคะแนนจากโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากล หรือ PISA ในปี 2561 ที่นักเรียนไทยของเรายังทำได้ไม่ดีนัก

โดยมีคะแนนด้านการอ่าน ด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ อยู่ในลำดับที่ 68, 59 และ 55 ตามลำดับ จาก 79 ประเทศที่เข้าร่วมการประเมิน นั่นอาจแปลความได้ว่ารัฐบาลตระหนัก และให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับระบบการศึกษาไทยที่มีความท้าทายในหลายประเด็น

ตั้งแต่เรื่องของความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา และแหล่งความรู้ที่มีคุณภาพ จำนวนนักเรียนที่ลดลง ค่านิยมต่อการศึกษา รวมไปถึงหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะแห่งอนาคตที่ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง และตลาดแรงงาน

สิ่งเหล่านี้สร้างทั้งความกดดัน และเกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ในแวดวงการศึกษาทั้งรูปแบบและแหล่งการเรียนรู้ แม้คนไทยจะหันมาใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น

แต่จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2563 ชี้ให้เห็นว่า คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าถึงความบันเทิง และการสื่อสารทางไกลเป็นหลัก มีเพียงร้อยละ 31.6 ที่ใช้เพื่อการติดตามข่าวสารความรู้ และร้อยละ 7.4 ใช้เพื่อการเรียนผ่านออนไลน์

นอกจากนั้นยังเกิดกระแสจากบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังข้ามชาติหลายแห่งอย่าง Google Apple Amazon ที่ประกาศนโยบายการรับสมัครคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน โดยมุ่งพิจารณาจากทักษะและประสบการณ์การทำงานมากกว่าการใช้วุฒิการศึกษา หรือใบปริญญาบัตร เกิดสัญญาณการเปลี่ยนแปลงและความตื่นตัวในการตั้งคำถามถึงความสำคัญและคุณค่าของวุฒิการศึกษา รวมไปถึงชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาด้วย

ทั้งหมดนี้สร้างกระบวนการการเรียนรู้และสื่อในรูปแบบใหม่ ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) ขยายขีดความสามารถให้กับทั้งผู้เรียนและผู้สอน ส่งเสริมการ upskill และ reskill รวมไปถึงการเรียนรู้ที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของผู้เรียนจนเกิดเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ความปั่นป่วนของการพยายามสร้างความสมดุล และปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ “ตรีนุช เทียนทอง” รมว.ศึกษาธิการ ประกาศเลื่อนการเปิดเทอมภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ถึง 2 ครั้ง

แต่หลังดูจากสถานการณ์ที่ยากจะควบคุมจึงต้องคิดหารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมต่อไป พร้อมขึ้นนโยบายให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศปรับเปลี่ยนการสอนให้อยู่ในรูปแบบผสมผสาน หรือ blended learning ระหว่างการใช้เทคโนโลยีสื่อสารทางไกล ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้ และรูปแบบการเรียนในห้องเรียน

ภายใต้การเรียนรู้ในรูปแบบ 5 on ได้แก่

  • on site
  • on air (DLTV)
  • on demand
  • online
  • on hand

โดยทางกระทรวงศึกษาธิการยังได้จัดทำเว็บไซต์ “ครูพร้อม” ที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เข้ามาร่วมจับมือสนับสนุนโดย “ตะวัน เทวอักษร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อักษร เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและกระบวนการเรียนการสอนครบวงจร พร้อมขับเคลื่อนการศึกษาให้ทันโลก จึงพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้ ภายใต้ชื่อ Aksorn On-Learn ก้าวข้ามขีดจำกัดการเรียนรู้นอกห้องเรียนผ่านโลกออนไลน์ ตอบโจทย์สถานการณ์การเรียนรู้ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19

เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะกลายเป็นโอกาสในการต่อยอดการศึกษาในอนาคต ทั้งนี้ Aksorn On-Learn สนับสนุนการเรียนการสอนด้วยสื่อดิจิทัล อาทิ คลิปวิดีโอ e-Book สื่อ interactive 3D สื่อ interactive software ไฟล์เสียงประกอบการสอน สไลด์ประกอบการสอน ครอบคลุม 8 กลุ่มสาระฯ ซึ่งมีผู้ใช้งานแล้วมากกว่า 85,000 คน

กว่าหลายปีที่ผ่านมาพบว่า มีเพียงคำว่า DLTV ที่จัดอยู่ในคำค้นทางด้านการศึกษา ติดอันดับคำค้นยอดนิยมใน Google Search ซึ่งในปีนี้คำว่า SGS (secondary grading system) ถูกจัดให้ติดอยู่ในคำค้นยอดนิยมอันดับ 5 เป็นระบบการประเมินผลการเรียนรูปแบบใหม่ของโรงเรียนกลุ่มมัธยมศึกษาทั่วประเทศ ภายใต้สังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จะใช้ระบบเดียวกันทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวัดและประเมินผลการเรียน

สามารถทำการประเมินผลผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ที่เว็บไซต์ https://sgs.bopp-obec.info ช่วยทำให้ระบบการประเมินผลมีความรวดเร็ว ทันสมัย ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ส่งผลให้ครูและนักเรียนทั่วประเทศต้องปรับตัวอย่างมากในการใช้ระบบการประเมินผลรูปแบบใหม่

จนเกิดกระแสวิพากษ์ไปทั่วเมื่อกระทรวงศึกษาธิการกำหนดแผนปฏิบัติการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะที่มีความแตกต่างจากหลักสูตรเดิมในสาระสำคัญหลายตัว

อาทิ ลดเวลาเรียนและกลุ่มสาระการเรียนรู้ลงในบางระดับชั้น ปลดล็อกตัวชี้วัดการเรียนรู้ ปรับปรุงฐานการเรียนรู้สมรรถนะใหม่ โดยมีแผนใช้จริงในปีการศึกษา 2565 กับโรงเรียนประถมศึกษาที่มีความพร้อม และวางกรอบการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะครอบคลุมทุกโรงเรียนทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในปีการศึกษา 2567 นำร่องทดลองใช้ในเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา

จนเกิดกระแสถึงความไม่พร้อมทั้งในแวดวงนักการศึกษา นักวิชาการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากเห็นว่าหลักสูตรยังขาดความชัดเจน และขาดการมีส่วนร่วมจากผู้ปฏิบัติงานจริง จนต้องกลับมาทบทวน ชะลอ และเลื่อนการนำร่องทดลองออกไป

ทั้งนั้น เพราะโลกหมุนไป การศึกษาไทยต้องหมุนตาม ฉากทัศน์หน้าใหม่ของการศึกษา เราฝันเห็นเด็กไทยมุ่งไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต (never-ending learning) เรียนรู้จากที่ใด เวลาใดก็ได้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาประยุกต์ให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจ เกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข ได้เรียน และค้นพบในสิ่งที่ตนเองสนใจ จนเกิดเป็นทักษะที่ต้องการและมีตลาดแรงงานรองรับ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสำคัญของการผสมผสานการเรียนรู้ไปพร้อมกับการใช้ชีวิต เป้าหมายทางไกลก็คือเพื่อให้เด็ก ๆ ของเราวันนี้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ ที่เรียกได้ว่า “พลเมืองของโลก” อย่างแท้จริง