ตลาดสหรัฐยังคงอันดับ 1 ไทยใช้สิทธิ GSP สูงถึง 264.77 ล้านเหรียญ

ส่งออก
Photo : Pixabay

กรมการค้าต่างประเทศเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ GSP ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และนอร์เวย์ ในเดือนแรกของปี 2566 มูลค่ารวม 281.67 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดสหรัฐยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ใช้สิทธิสูงถึง 264.77 ล้านเหรียญสหรัฐ

วันที่ 4 เมษายน 2566 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยสถิติการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ทั้ง 4 ระบบที่ไทยได้รับอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช พบว่า มีมูลค่ารวม 281.67 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ สูงถึง 53.56%

โดยตลาดสหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยที่ใช้สิทธิ GSP มากที่สุดเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 94% ของมูลค่าการส่งออกรวมที่ใช้สิทธิ GSP ทั้ง 4 ระบบ โดยมีมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ส่งออกไปสหรัฐ 264.77 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.83%

รณรงค์ พูลพิพัฒน์
รณรงค์ พูลพิพัฒน์

ส่วนการส่งออกไปสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่ม CIS มีการใช้สิทธิ GSP ลดลง 16.90% 22.14% และ 66.78% ตามลำดับ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสถานการณ์สงครามระหว่างรัฐเซีย-ยูเครน

สินค้าสำคัญที่มีการส่งออกโดยใช้สิทธิไปยังสหรัฐ สูงสุดอันดับ 1 คือส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการใช้สิทธิ 44.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 176.24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยสหรัฐนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 1 ของกลุ่มประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP จากสหรัฐ ซึ่งคาดการณ์ว่าไทยจะมีแนวโน้มการใช้สิทธิ เพื่อส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสหรัฐยังมีการดำเนินนโยบายตอบโต้ทางการค้าทางด้านภาษีกับจีนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้สินค้าอื่นที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ สูง คือ อาหารปรุงแต่ง เลนส์แว่นตาทำจากวัสดุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แก้ว หีบเดินทางขนาดใหญ่ กระเป๋าใส่เสื้อผ้า และถุงมือยาง สำหรับโครงการ GSP อื่น ๆ มีสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง

อาทิ ของผสมของสารที่มีกลิ่นหอมชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารหรือเครื่องดื่ม (สวิตเซอร์แลนด์) เพชรพลอยรูปพรรณทำด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ (สวิตเซอร์แลนด์) ของที่ใช้บรรจุสินค้ารวมทั้งฝาทำด้วยโพลิเมอร์ของเอทิลีน (สวิตเซอร์แลนด์) สูทของสตรีหรือเด็กหญิงทำด้วยขนแกะหรือขนละเอียดของสัตว์ เนื้อสัตว์แปรรูป (นอร์เวย์) อาหารปรุงแต่งอื่น ๆ ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด และข้าวโพดหวาน (นอร์เวย์) เป็นต้น

แม้ว่าโครงการ GSP สหรัฐได้สิ้นสุดอายุไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และขณะนี้สหรัฐอยู่ระหว่างการดำเนินขั้นตอนการต่ออายุโครงการ ส่งผลให้ผู้นำเข้าสินค้าที่เคยได้รับสิทธิ GSP สหรัฐจะต้องชำระภาษีในอัตราปกติ (MFN rate) ไปจนกว่าโครงการ จะได้รับการต่ออายุ แต่เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ ผู้นำเข้าสามารถยื่นขอใช้สิทธิ GSP ในการนำเข้าสินค้าได้ตามปกติ โดยที่ผ่านมาสหรัฐจะทำการคืนภาษีเมื่อโครงการ ได้รับการต่ออายุแล้ว

หากผู้ประกอบการมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือโทร.สายด่วน 1385 รวมถึงไลน์แอปพลิเคชั่นชื่อบัญชี “@gsp_helper”