เชื่อ! ถ้าระบบโลจิสติกส์ดี ไม่ว่าธุรกิจไหนๆ ก็จะต้องดีตาม “พาณิชย์” จัดงานเชื่อมต่อการค้าพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

เชื่อ! ถ้าระบบโลจิสติกส์ดี ไม่ว่าธุรกิจไหนๆ ก็จะต้องดีตาม “พาณิชย์” จัดงานเชื่อมต่อการค้าพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก Global to Local Link วางหมากให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยเร่งปรับตัวสู่มาตรฐาน ISO 9001 หนุนใช้ประโยชน์จากระบบ e-Logistics ต่อเชื่อมเส้นทางการค้าใหม่ OBOR

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในวันนี้ (30 มีนาคม 2561) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดงาน “เชื่อมต่อการค้าพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก : Global to Local Link” ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ไทย ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มีนโยบายสนันสนุนผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายย่อยของไทย ทั้งด้านบริการขนส่งและขนถ่ายสินค้า คลังสินค้า บรรจุ หีบห่อเพื่อการขนส่ง บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่ง และบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร สามารถรับมือกับสถานการณ์การค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยบริหารจัดการรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจยุคดิจิทัล พร้อมกับสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อสร้างช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ชุมชนและสินค้าจากท้องถิ่นให้กระจายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ได้ ผ่านร้านค้าชุมชนหรือร้านธงฟ้าประชารัฐที่เป็นจุดรับส่งสินค้า

“ระบบโลจิสติกส์ถือเป็นพื้นฐานของธุรกิจทุกประเภททำหน้าที่เคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ร้านค้าให้ไปถึงยังมือผู้บริโภคโดยตรง ดังนั้นการพัฒนาธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ให้มีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน ISO จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ในทางอ้อมอีกด้วย”

ผู้ช่วย รมว. กล่าวต่อว่า ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์จึงมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศ สำหรับงาน Global to Local Link ในวันนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับธุรกิจให้เตรียมตัวเข้าสู่การรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้บริการ ประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดการ เพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ

โดยที่ผ่านมามีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการนี้กว่า 200 ราย หลังจากนี้กรมฯ จะดำเนินการตรวจประเมินธุรกิจที่มีความพร้อมในการพัฒนาระบบบริหารจัดการธุรกิจ เมื่อธุรกิจได้ผ่านการประเมินตามเกณฑ์แล้ว จะได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001 หรือรางวัล D-Log Award พร้อมกับคัดเลือกธุรกิจที่เป็น TOP 10 เพื่อเป็นต้นแบบให้กับธุรกิจอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ภายในงานยังมีการออกบูทจากธุรกิจโลจิสติกส์ชั้นนำที่มาร่วมให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการใช้นวัตกรรมเพื่อบริหารจัดการธุรกิจ

กระทรวงพาณิชย์จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ต้องตื่นตัวและแสวงความความรู้ในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และศึกษาเส้นทางการค้าใหม่ๆ เพื่อหาช่องทางในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อาทิ ‘เส้นทางสายไหม’ หรือ One Belt One Road : OBOR เป็นเส้นทางโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ที่จะเชื่อมโยง 64 ประเทศทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน จะเกิดโอกาสและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับโลจิสติกส์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคอาเซียนและประเทศอื่นๆ และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ Eastern Economic Corridor: EEC เป็นการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลและชายแดนไทย สร้างการค้าในรูปแบบ Local to Global ซึ่งจะต้องพึ่งพาระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อกระจายสินค้าไปยังที่ต่างๆ จึงทำให้ธุรกิจนี้เป็นที่จับตามองและเป็นส่วนพื้นฐานในการต่อยอดความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต

นอกจากนี้ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องสร้างโอกาสทางการตลาดและเชื่อมโยงซัพพลายเชนเพื่อเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และลดต้นทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจ e-Commerce กำลังเป็นยุคทอง ระบบ e-Logistic จึงเข้ามามีส่วนในการบริหารธุรกิจ เกิดความสะดวกสบายในการจัดการระบบขนส่ง ผู้บริโภคสามารถติดตามสถานะการจัดส่งได้ มีความน่าเชื่อถือ มากไปกว่านั้นยังช่วยกระจายสินค้าจากท้องถิ่นไปสู่ชุมชน ซึ่งจะเกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในฐานรากให้มีความมั่นคงสอดรับกับนโยบายรัฐบาล

ทั้งนี้ งาน Global to Local Link ทั้งหมดนี้จึงมิใช่แค่เรื่องการส่งเสริมธุรกิจให้บริการ โลจิสติกส์ของไทยให้เข้าสู่มาตรฐาน ISO 9001 เพียงอย่างเดียว แต่เมื่อธุรกิจสามารถพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อต่อผู้ใช้บริการทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว ก็จะช่วยให้ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เติบโตตามไปด้วยเพราะโลจิสติกส์คือหัวใจสำคัญของทุกธุรกิจ และท้ายที่สุดก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยให้แข็งแรงตามมา